198. When
Governments Are Controlled by GMO Corporations, Civil Society Must Equip
Themselves to Protect Own Food Commons
Oregon Pushes To Ban GM Salmon And Mandate GMO
labelling
April 1, 2013 by Arjun
รัฐโอเรกอน ผลักดันให้ห้ามขายปลาซัลมอน จีเอ็ม และ
บังคับให้ติดฉลาก จีเอ็มโอ
โดย
อรชุน
Three
legislative bills were recently introduced that would require all GMOs to be
properly labelled, as well as prohibit the import and sale of GM salmon. The
bill would not only require all GMOs to be labelled in the state of Oregon, but
any food products that contain GMOs that are not properly labelled
beginning on January 1, 2014 will be deemed misbranded with the manufacturer
held liable for breaking the food labelling requirements. If the bill isn’t
passed, a new bill as a backup will be introduced that will at least require
all GE salmon to be properly labelled. You can view the three bills below.
ร่าง
พรบ สามฉบับได้ถูกนำเสนอเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งจะบังคับให้ จีเอ็มโอ
ทั้งหลายต้องติดฉลากให้เหมาะสม, รวมทั้งห้ามสั่งเข้าและขายปลาซัลมอน จีเอ็ม. ร่าง พรบ ไม่เพียงแต่บังคับ จีเอ็มโอ ทั้งหมดให้ติดฉลากในรัฐโอเรกอน,
แต่ผลิตภัณฑ์อาหารใดๆ ที่มีส่วนประกอบ จีเอ็มโอ ที่ไม่ได้ติดฉลากอย่างเหมาะสม
เริ่มต้น วันที่ 1 มกราคม 2014 จะถือว่าติดฉลากผิด และโรงงานที่ผลิตต้องรับผิดชอบกับการละเมิดข้อบังคับให้ติดฉลาก. หาก ร่าง พรบ ไม่ผ่าน, ร่าง พรบ ใหม่
ที่สำรองอยู่ จะถูกนำเสนอให้อย่างน้อย ต้องติดฉลากปลาซัลมอน จีอี ให้เหมาะสม. ดู ร่าง พรบ ทั้งสามได้ข้างท้าย.
The Oregon House Committee on
Agriculture and Natural Resources recently heard testimony on the three bills.
Supporters of GMO labelling throughout the state have been busy spreading the
word about the lack of proper GMO safety testing. GMOs have been linked to
causing organ damage, gastrointestinal problems, allergies, and even cancer.
Biotech employees are required to wear a full body suit and mask while spraying
our food with toxic chemicals, on top of the GMOs. The Centre for Food
Safety, a nonprofit public interest and environmental advocacy group, says GMO
labelling legislation has been proposed in nearly half of all states. Even
though a single one has yet to pass, awareness about the presence of GMOs
throughout the food supply is growing.
คณะกรรมาธิการด้านเกษตรและทรัพยากรธรรมชาติ
ของสภารัฐโอเรกอน เมื่อเร็วๆ นี้ ได้รับฟังคำให้การเกี่ยวกับ ร่าง พรบ
ทั้งสาม. ผู้สนับสนุนการติดฉลาก จีเอ็มโอ
ทั่วทั้งรัฐ ได้งุ่นอยู่กับการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวับการขาดแคลนกระบวนการตรวจสอบ
จีเอ็มโอ ที่เหมาะสม. จีเอ็มโอ
ได้ถูกเชื่อมโยงว่าเป็นสาเหตุของอวัยวะผิดปกติ, ปัญหาแก๊สในลำไส้, ภูมิแพ้,
และแม้แต่มะเร็ง. ลูกจ้างของไบโอเทค
ถูกบังคับให้สวมชุดป้องกันเต็มตัว และ สวมหน้ากากในขณะพ่นอาหารของเราด้วยสารเคมีพิษ,
เพิ่มบน จีเอ็มโอ.
ศูนย์เพื่อความปลอดภัยอาหาร,
กลุ่มรณรงค์เพื่อสิ่งแวดล้อมและสาธารณะประโยชน์ ที่ไม่แสวงกำไร, กล่าวว่า พรบ
การติดฉลาก จีเอ็มโอ ได้ถูกนำเสนอแล้วเกือบครึ่งหนึ่งของมลรัฐทั้งหมด. แม้จะยังไม่มีสักร่าง พรบ ที่ได้ผ่าน,
ความตื่นตัวเกี่ยวกับ จีเอ็มโอ ที่มีอยู่ไปทั่วแหล่งอาหาร กำลังเพิ่มมากขึ้น.
“The profit-driven motives to
prohibit GMO labelling are reprehensible and represent an egregious indictment
of the current health care system,” said Dr. Mary Zesiewicz, a board-certified
psychiatrist, to state lawmakers in Colorado during a recent hearing. During
her testimony, Dr. Zesiewicz explained that she has “seen an alarming increase
in chronic health conditions” at her practice, many of which appear to be
linked to GMO consumption. (2)
“แรงจูงใจที่ขับเคลื่อนด้วยกำไร
เพื่อห้ามการติดฉลาก จีเอ็มโอ เป็นเรื่องน่าตำหนิ และ
เป็นตัวแทนของข้อกล่าวหาอันชั่วร้ายของระบบดูแลสุขภาพในปัจจุบัน”, ดร.แมรี
เซซีวิคส์, จิตแพทย์ที่มีใบรับรอง, ต่อฝ่ายนิติบัญญัติในรัฐโคโลราโด
ในระหว่างการฟังคำให้การเมื่อเร็วๆ นี้.
ในระหว่างการให้การ, ดร.เซซีวิคส์ อธิบายว่า เธอ “ได้เห็นภาวะป่วยเรื้อรังเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ”
ในการทำงานของเธอ, หลายๆ กรณีดูเหมือนจะเชื่อมโยงกับ การบริโภค จีเอ็มโอ.
All across the world people are
waking up and paying attention to what is happening within the food industry. It’s
funny how the major shareholders in multinational food an biotech corporations
are also major shareholders in major multinational pharmaceutical corporations,
like fidelity investments, the vanguard group and state street corporation. A
genetically engineered food is a product that has had its DNA artificially
altered. The safety of genetically engineered foods for human consumption is
not adequately tested. There have been no long-term studies conducted on the
safety of genetically engineered foods. Over 50 countries that make up a
majority percentage of Earth’s population currently require mandatory labelling
for all GMO “food.”
ทั่วโลก
ประชาชนกำลังตื่นขึ้น และ
ได้ให้ความสนใจต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นภายในอุตสาหกรรมอาหาร.
มันน่าขันที่ผู้ถือหุ้นรายหลักในบรรษัทอาหารและไบโอเทคนานาชาติ ก็เป็นผู้ถือหุ้นหลักในบรรษัทเภสัชกรรมนานาชาติหลักๆ
ด้วย, เช่น fidelity investments, the vanguard
group และ state street corporation. อาหารที่ได้ผ่านกระบวนวิศวกรรมการตัดแต่งสายพันธุ์
(จีอี) เป็นผลผลิตที่ ดีเอ็นเอ ได้ถูกบิดเบือนอย่างไม่เป็นไปตามธรรมชาติ. ความปลอดภัยของอาหาร จีอี
เพื่อการบริโภคของมนุษย์ ยังไม่ได้รับการตรวจสอบมากพอ. ไม่มีการศึกษาในระยะยาวถึงความปลอดภัยของอาหาร
จีอี. กว่า 50 ประเทศ
ซึ่งรวมกันเป็นสัดส่วนของประชากรโลกส่วนใหญ่ ปัจจุบัน ได้มีกฎบังคับให้ติดฉลาก “อาหาร”
จีเอ็มโอทั้งหมด.
Not to long ago, Barack Obama signed
a bill into law that allows Monsanto and other biotechnology companies to
override United States federal courts on the issue of planting experimental
genetically engineered crops all across the US. This act gives more authority
to the corporations then it does the US government. This new law forces the
USDA to approve all GMO planting permits desired by the Monsanto corporation
and other biotech firms no matter what. You can read more about it here.
ไม่นานมานี้,
บารัค โอบามา ได้ลงนามใน พรบ ให้เป็นกฎหมาย ที่อนุญาตให้ มอนซานโต และ
บริษัทไบโอเทคอื่นๆ ให้อยู่เหนือศาลรัฐบาลกลางของสหรัฐฯ ในประเด็นการทดลองเพาะปลูกพืช
จีอี ทั่วสหรัฐฯ. การกระทำนี้
ทำให้บรรษัทเหล่านี้ มีอำนาจมากกว่ารัฐบาลสหรัฐฯ.
กฎหมายใหม่นี้ บังคับให้ กระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ
ต้องอนุมัติออกใบอนุญาตให้ปลูก จีเอ็มโอ ทั้งหมดตามที่บรรษัทมอนซานโตและบริษัทไบโอเทคอื่นๆ
ปรารถนา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น.
GMO labelling was introduced to give
people the freedom to choose between GMOs and conventional foods. If food is
produced using genetic engineering, it must be indicated on its label. Although
they shouldn’t be, labelling practices are quite complicated and must be
regulated along side issues of legality, feasibility, standardization and
coherence. What must be labelled and why shouldn’t be so complicated, but it
is. It’s no secret that those who work for the U.S. Food and Drug
Administration (FDA) or the U.S. Department of Agriculture (UDSA) have admitted
that corporate interests force the agencies to change policies that harm their
agenda. The UCS sent question surveys to approximately 8000 workers from both
the FDA and USDA, over half who work as field inspectors responded saying that
their agency practices harm public health in order to appease corporate
interests.
การติดฉลาก
จีเอ็มโอ ถูกนำเสนอ เพื่อให้ประชาชนมีอิสรภาพในการเลือกระหว่าง จีเอ็มโอ และ
อาหารปกติ. หากอาหารถูกผลิตโดยใช้ จีอี,
ต้องระบุในฉลาก.
แม้ว่ามันไม่ควรจะยุ่งยาก, การติดฉลากก็ซับซ้อนพอควร และ
จะต้องถูกควบคุมคู่ขนานไปกับข้อกฎหมาย, ความเป็นไปได้,
มาตรฐานและความเกี่ยวเนื่องกัน. อะไรที่ต้องระบุในฉลาก
และ ทำไมไม่ควรจะซับซ้อนนัก, แต่มันเป็นเช่นนั้น.
มันไม่ใช่ความลับที่ คนที่ทำงานให้ อย. หรือ กระทรวงเกษตร ของสหรัฐฯ
ได้ยอมรับว่า ผลประโยชน์ของบรรษัท
ได้บังคับให้หน่วยงานเปลี่ยนนโยบายที่ทำร้ายวาระของพวกเขา. UCS ได้ส่งแบบสำรวจไปยังคนงานประมาณ 8,000 คนจากทั้ง
อย.และกระทรวงเกษตร, กว่าครึ่งทำงานเป็นผู้ตรวจไร่นา ได้ตอบกลับมาว่า
ข้อปฏิบัติของหน่วยงานของพวกเขา ทำร้ายสุขภาพสาธารณะ เพื่อเอาใจความสนใจของบรรษัท.
Most foods that contain any
genetically modified plants or micro organisms that were used in production
require indication of some sort. This is a problem because numerous products
are exempt from labelling obligations. These exemptions primarily concern
additives, and processing aids, but also apply to meat, milk and eggs. The
United States has openly admitted to believing that there is no difference
between GMOs and natural organisms. The FDA and USDA, along with the Codex
Alimentarius Committee, suggest that no country should require mandatory GMO
labelling on food items. This is ridiculous, science has already shown that
GMOs act differently in the body and are a threat to health. Workers usually
have to wear full body suits and masks when spraying our food with toxic
chemicals. They are toxic chemicals that are responsible for mutating cells and
causing cancer. Cancer is a billion dollar industry and big pharmaceutical
companies fund all major medical research.
อาหารส่วนใหญ่ที่มีพืช
หรือ จุลชีพ จีเอ็ม ที่ใช้ในการผลิต จะต้องระบุ.
นี่เป็นปัญหา เพราะผลิตภัณฑ์มากมายถูกยกเว้นจากการติดฉลาก. สิ่งเหล่านี้มี สารที่เติมเข้าไป,
และสารช่วยในกระบวนการปรุง, แต่ก็ยังใช้กับเนื้อ, นม และ ไข่. สหรัฐฯ ได้ยอมรับอย่างเปิดเผยว่าเชื่อว่า
ไม่มีความแตกต่างระหว่าง จีเอ็มโอ และ ชีวภาพธรรมชาติ. อย. และ กระทรวงเกษตร, รวมทั้ง Codex Alimentarius Committee, แนะว่าไม่มีประเทศใดควรบังคับให้ติดฉลาก
จีเอ็มโอ บนอาหาร.
นี่เป็นเรื่องบ้าสิ้นดี, วิทยาศาสตร์ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า จีเอ็มโอ
ทำงานต่างกันในร่างกายของคน และเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพ. คนงานจะต้องสวมชุดคลุมเต็มตัวและหน้ากาก เมื่อสเปรย์อาหารของเราด้วยสารเคมีพิษ
ซึ่งเป็นตัวการทำให้เซลกลายพันธุ์ และ ทำให้เป็นมะเร็ง. มะเร็งเป็นอุตสาหกรรมพันล้านดอลลาร์ และ
บรรษัทเภสัชกรรมใหญ่ๆ ให้ทุนการวิจัยทางแพทยศาสตร์หลักๆ ทั้งหมด.
The Council on Foreign Relations put
out a statement not too long ago saying:
สภาวิเทศกิจ
ได้ออกแถลงการณ์ไม่นานมานี้ บอกว่า:
The
United States has not experienced any regulatory failures. There have been no
major food safety scares, and the minor ones have had a short lives political
impact. The United States has in place a relatively well-established set of
national regulatory bodies which appear to function reasonably well. The United
States has experienced a decline in public confidence in government regulation
due to the perception that it was ineffective, so they created a new set of
regulatory institutions and administrative mechanisms to improve public
accountability. (1)
สหรัฐฯ ไม่ได้ประสบความล้มเหลวในระบบการควบคุมใดๆ.
ไม่มีความตื่นกลัวเรื่องความปลอดภัยของอาหารหลักเลย, และกรณีย่อย
ก็มีผลทางการเมืองเพียงระยะสั้น. สหรัฐฯ
มีกลไกการควบคุมที่ดี ที่ยังทำงานได้ดี. สหรัฐฯ
ได้ประสบความเชื่อถือของสาธารณะลดลงต่อการควบคุมของรัฐบาล
เพราะความเห็นที่ว่ามันไม่มีประสิทธิผล, ดังนั้น พวกเขาจึงได้สร้างกลไกเชิงสถาบันและการบริหารการควบคุม
เพื่อปรับปรุงความน่าเชื่อถือต่อสาธารณะ.
It’s funny how The Council on
Foreign Relations is headed by the Rockefeller family. The Rockefeller’s and
it’s foundation is heavily involved with all of the major food corporations
that control the worlds food supply, not to mention that this family has their
hand in the same corporations that control the health/pharmaceutical companies
as well. Why do we give so much credibility to these corporations and the
people that run them? Why do we continue to believe everything that is written
and ‘sourced’ from corrupt organization? All it takes is a little research.
People say “what can we do about it?” Well the first step is becoming aware,
then the next step is to begin making changes you can make yourself. From
there, things will expand outwards. Don’t forget, you always have a choice. You
can buy organic, grow your own food or choose to minimize your GMO and
conventional food consumption.
มันตลกที่สภาวิเทศกิจ
มีครอบครัวร็อคกี้เฟลเลอร์เป็นหัวหน้าได้อย่างไร.
ร็อคกี้เฟลเลอร์ และ มูลนิของมัน มีส่วนมากๆ ในบรรษัทอาหารหลักๆ ทั้งหมด
ที่ควบคุมแหล่งอาหารโลก, ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่า ครอบครัวนี้
มีส่วนในบรรษัทเดียวกัน ที่ควบคุมบริษัทสุขภาพ/เภสัชกรรมด้วย.
ทำไมเราถึงให้เครดิตมากขนาดนี้แก่บรรษัทเหล่านี้ และ ผู้ที่บริหารมัน? ทำไมเราถึงยังคงเชื่อทุกอย่างที่ถูกเขียน และ “มาจาก”
องค์กรโกง? สิ่งที่ต้องทำคือ
วิจัยสักหน่อย. ผู้คนพูดว่า “เราจะทำอะไรได้?” เอาล่ะ ขั้นแรก ตื่นตัวรับรู้, แล้วขั้นต่อไป
เริ่มทำการเปลี่ยนแปลงที่ตัวคุณเองทำได้.
จากนั้น อะไรๆ ก็จะเริ่มขยายแผ่กระจายออกไป. อย่าลืม, คุณมีทางเลือกเสมอ. คุณสามารถซื้อของอินทรีย์,
เพาะปลูกอาหารของคุณเอง หรือ เลือกที่จะลดการบริโภค จีเอ็มโอ และ อาหารกระแสหลัก.
I live in Canada and fortunately my
country does have a regulation on GMOs. But we are no different, the
corporations that control the food industry and the governing bodies that set
the standards are global organizations. Countries can easily hide behind the
‘right act’ simply by setting regulations. Canadian regulation of foods derived
from biotechnology is a seven to ten year process to research, develop, test
and assess the safety of a new GM food. By the time this is complete, the
damage has already been done. The problem is, labelling is only required if there
is a health and safety issue. The same group of people who fund the medical
industry and all of it’s research are funded by the big pharmaceutical
companies, which are the same group of people who own the food industry!
Conflict of interest, don’t you think? It’s time to stop handing over our power
to multinational corporations.
ผมอาศัยอยู่ในแคนาดา
และ โชคดี ประเทศของผมมีการควบคุม จีเอ็มโอ.
แต่เราก็ไม่ต่างกัน, บรรษัทที่ควบคุมอุตสาหกรรมอาหารและ
กลไกการปกครองที่กำหนดมาตรฐาน เป็นองค์การโลก.
ประเทศต่างๆ สามารถจะซ่อนตัวข้างหลัง “พรบ ที่ถูกต้อง”
เพียงกำหนดระเบียบควบคุม. ระเบียบควบคุมอาหารของแคนาดา มาจากเทคโนโลยีทางชีวภาพ
เป็นกระบวนการ 7-10 ปี ในการวิจัย, พัฒนา, ทดสอบและประเมินความปลอดภัยของอาหารจีเอ็มใหม่หนึ่งๆ. เมื่อมันเสร็จสมบูรณ์,
ความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว. ปัญหาคือ,
การติดฉลากจะถูกบังคับ ต่อเมื่อมีประเด็นสุขภาพและความปลอดภัย. คนกลุ่มเดียวกันผู้ให้ทุนแก่อุตสาหกรรมแพทย์
และ งานทั้งหมดที่ได้รับทุนจากบริษัทเภสัชกรรมใหญ่ๆ,
ซึ่งเป็นคนกลุ่มเดียวกับพวกที่เป็นเจ้าของอุตสาหกรรมอาหาร! ผลประโยชน์ทับซ้อน, คุณว่าไหม?
ถึงเวลาแล้วที่จะยุติการมอบอำนาจของพวกเราแก่บรรษัทนานาชาติ.
Sources:
ดรุณี
แปล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น