วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2556

325. ความตายของชายผู้ยิ่งใหญ่ ที่ต่อลมหายใจและความหวัง ให้แก่การเคลื่อนไหวพลโลก ต่อสู้ รัฐบรรษัทละโมบทุนนิยม

325. A Great Man’s Death that Breathes Life and Hope into the Global Citizen Movements Against Corporate-State Capitalist Greed

12 Mandela Quotes That Won't Be In the Corporate Media Obituaries
On "sanitizing" the legacy of anti-apartheid leader Nelson Mandela
- Common Dreams staff
๑๒ ภาษิต ที่สื่อบรรษัทไม่ผนวกในคำไว้อาลัย
ในวาระแปลงตำนานของผู้นำต่อต้านการเดียดผิว เนลสัน แมนเดลา ให้เป็น “นักบุญ”
ดรุณี ตันติวิรมานนท์ แปล
“เมื่อบุคคลหนึ่งถูกปฏิเสธสิทธิ์ในการดำเนินชีวิตที่เขาเชื่อ, เขาย่อมไม่มีทางเลือกนอกจากกลายเป็นบุคคลนอกกฎหมาย”  -เนลสัน แมนเดลา  (๒๔๖๑-๒๕๕๖)

Nelson Mandela, who died yesterday at age 95, was a South African anti-apartheid revolutionary who served as President of South Africa from 1994-1999.
เนลสัน แมนเดลา, ผู้สิ้นชีพเมื่อวาน สิริอายุ ๙๕ ปี, เป็น นักปฏิวัติต่อต้านการเดียดผิว ชาวอาฟริกาใต้ ผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งอาฟริกาใต้ ระหว่าง ๒๕๓๗-๒๕๔๒.
During the 1950's, while working as an anti-apartheid lawyer, Mandela was repeatedly arrested for 'seditious activities' and 'treason.' In 1963 he was convicted of sabotage and conspiracy to overthrow the government, and sentenced to life imprisonment. Mandela served 27 years in prison before an international lobbying campaign finally won his release in 1990.
ในช่วงทศวรรษ ๒๔๙๓-๒๕๐๒, ในขณะที่ทำงานเป็นทนายความต่อต้านลัทธิเดียดสีผิว, แมนเดลาถูกจับกุมครั้งแล้วครั้งเล่าในข้อหากระทำ “กิจกรรมยั่วยุ” และ “กบฏ”.  ในปี ๒๕๐๖ เขาถูกจับในข้อหาสมรู้ร่วมคิดในการล้มรัฐบาล, และถูกตัดสินจำคุกตลอดชีพ.  แมนเดลาติดคุก ๒๗ ปี ก่อนที่การรณรงค์สากลจะกดดันจนได้รับชัยชนะในที่สุด ที่เขาได้รับการปลดปล่อยในปี ๒๕๓๓.
In 1994, Mandela was elected President and formed a Government of National Unity in an attempt to diffuse ethnic tensions. As President, he established a new constitution and initiated the Truth and Reconciliation Commission to investigate past human rights abuses and to uncover the truth about crimes of the South African government, using amnesty as a mechanism.
ในปี ๒๕๓๗, แมนเดลาได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดี และ ได้จัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติสามัคคี ในความพยายามที่จะหลอมละลายความตึงเครียดระหว่างเผ่าพันธุ์.  ในฐานะประธานาธิบดี, เขาได้สถาปนารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และ ริเริ่มจัดตั้ง คณะกรรมาธิการแสวงหาความจริงและปรองดอง เพื่อสืบสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนในอดีต และ เพื่อเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับอาชญากรรมของรัฐบาลอาฟริกาใต้, ด้วยการใช้กลไกนิรโทษกรรม.
Nelson Mandela was a powerful and inspirational leader who eloquently and forcefully spoke truth to power. As tributes are published over the coming days, the corporate media will paint a sanitized portrait of Mandela that leaves out much of who he was. We expect to see 'safe' Mandela quotes such as "education is the most powerful weapon which you can use to change the world" or "after climbing a great hill, one only finds that there are many more hills to climb."
เนลสัน แมนเดลา เป็นผู้นำที่ทรงพลังและเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ ผู้พูดความจริงต่ออำนาจนิยม ได้อย่างงดงามและเต็มไปด้วยพลัง.  เมื่อคำสรรเสริญจะถูกตีพิมพ์ต่อเนื่องในวันต่อไป, สื่อบรรษัทจะวาดภาพทาสีให้แมนเดลากลายเป็นนักบุญ ที่ละทิ้งภาพส่วนใหญ่ที่เป็นตัวเขา.  เราคาดว่าจะได้เห็น ภาษิตของแมนเดลา ที่ “ปลอดภัย” เช่น “การศึกษาเป็นอาวุธที่ทรงอำนาจที่สุดที่คุณสามารถใช้ในการเปลี่ยนโลก” หรือ “หลังจากปีนป่ายขุนเขาที่ยิ่งใหญ่, กลับพบว่า ยังมีอีกหลายเขาที่ต้องปีน.”
We wanted to share some Nelson Mandela quotes which we don't expect to read in the corporate media's obituaries:
เราต้องการแบ่งปันภาษิตของแมนเดลา ที่เราไม่คาดว่าจะได้อ่านเจอในคำไว้อาลัยของสื่อบรรษัท:
1.      "A critical, independent and investigative press is the lifeblood of any democracy. The press must be free from state interference. It must have the economic strength to stand up to the blandishments of government officials. It must have sufficient independence from vested interests to be bold and inquiring without fear or favor. It must enjoy the protection of the constitution, so that it can protect our rights as citizens."
 ๑. “สื่อวิพากษ์, อิสระ และ สืบสวน สอบสวน เป็นเส้นเลือดเลี้ยงชีวิต ในระบอบประชาธิปไตยใดๆ.  สื่อจะต้องเป็นอิสระจากการแทรกแซงของรัฐ.  มันจะต้องมีความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ เพื่อจะได้ลุกขึ้น ฝืนคำโอ้โลมของเจ้าหน้าที่รัฐบาลได้.  มันจะต้องมีอารภาพพอพียงห่างจากกลุ่มผลประโยชน์ ที่จะหาญกล้าและล้วงลึกโดยปราศจากความกลัวหรือเข้าข้าง.  มันจะต้องได้รับการคุ้มครองจากรัฐธรรมนูญ, เพื่อว่ามันจะได้คุ้มครองสิทธิ์ของพวกเราในฐานะพลเมือง.”
2.      "If there is a country that has committed unspeakable atrocities in the world, it is the United States of America. They don't care for human beings."
 ๒. “หากมีประเทศใดที่กระทำการโหดร้ายขืนใจชนิดที่บรรยายไม่ได้ในโลก, มันคือ สหรัฐอเมริกา.  พวกเขาไม่ไยดีต่อสิทธิมนุษยชน.”
3.      "The current world financial crisis also starkly reminds us that many of the concepts that guided our sense of how the world and its affairs are best ordered, have suddenly been shown to be wanting.”
 ๓. “ภาวะวิกฤตการเงินโลกปัจจุบัน เตือนเราว่า กรอบคิดมากมายที่ชี้นำความรู้สึกของพวกเราว่า โลกและกิจกรรมทั้งหลายควรจัดระเบียบอย่างไรให้ดีที่สุด, ในบัดดล ก็ถูกเผยว่า เป็นที่ต้องการยิ่ง.”
4.      "Gandhi rejects the Adam Smith notion of human nature as motivated by self-interest and brute needs and returns us to our spiritual dimension with its impulses for nonviolence, justice and equality. He exposes the fallacy of the claim that everyone can be rich and successful provided they work hard. He points to the millions who work themselves to the bone and still remain hungry."
 ๔. “คานธีไม่ยอมรับความเห็นของ อดัม สมิธ ที่ว่า ธรรมชาติของมนุษย์ ถูกกระตุ้นด้วยความเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว และ ความต้องการอย่างสัตว์ และ ได้คืนมิติจิตวิญญาณแก่พวกเรา ด้วยแรงจูงใจเพื่ออหิงสา, ความยุติธรรม และ ความเสมอภาค.  เขาได้เผยความหลงผิดของข้ออ้างที่ว่า ทุกๆ คนสามารถร่ำรวยได้ และ ประสบความสำเร็จได้หากทำงานหนัก.  เขาชี้ให้เห็นว่า คนนับล้านที่ทำงานหนักเข้ากระดูก ยังคงต้องหิวโหย.”
5.      "There is no doubt that the United States now feels that they are the only superpower in the world and they can do what they like."
 ๕. “ไม่ต้องสงสัยเลยว่า สหรัฐฯ ตอนนี้รู้สึกว่า พวกเขาเป็นเพียงมหาอำนาจหนึ่งเดียวในโลก และพวกเขาสามารถทำตามอำเภอใจได้.”
6.      “It is said that no one truly knows a nation until one has been inside its jails. A nation should not be judged by how it treats its highest citizens, but its lowest ones.”
 ๖. “มีคนกล่าวไว้ว่า ไม่มีใครรู้จักชาติ จวบจนกระทั่งตัวเองเข้าไปอยู่ในคุก.  ชาติไม่ควรจะถูกพิพากษาโดยวิธีการที่มันกระทำต่อพลเมืองชั้นสูงสุด, แต่ต่อพลเมืองในชั้นต่ำที่สุด.”
7.      “Overcoming poverty is not a task of charity, it is an act of justice. Like Slavery and Apartheid, poverty is not natural. It is man-made and it can be overcome and eradicated by the actions of human beings. Sometimes it falls on a generation to be great. YOU can be that great generation. Let your greatness blossom.”
 ๗. “การเอาชนะความยากจน ไม่ใช่กิจการกุศล, แต่เป็นปฏิบัติการแห่งความยุติธรรม.  เช่นเดียวกับระบบทาสและระบบเดียดสีผิว, ความยากจนไม่ใช่มาจากธรรมชาติ.  มันเป็นสิ่งที่คนทำขึ้นมา และ ก็สามารถเอาชนะได้ และ ขจัดได้ด้วยปฏิบัติการของมนุษย์.  บางที มันก็เกิดขึ้นในรุ่นหนึ่งที่ยิ่งใหญ่.  คุณ สามารถเป็นรุ่นที่ยิ่งใหญ่นั้น.  ขอให้ปลดปล่อยความยิ่งใหญ่ของคุณให้เบ่งบาน.”
8.      “We know too well that our freedom is incomplete without the freedom of the Palestinians.”
 ๘. “พวกเรารู้ดีอย่างยิ่งว่า เสรีภาพของพวกเรายังไม่สมบูรณ์โดยปราศจากเสรีภาพของปาเลสไตน์.”
9.      “No single person can liberate a country. You can only liberate a country if you act as a collective.”
 ๙. “ไม่มีคนหนึ่งคนใดสามารถปลดแอกประเทศตามลำพัง.  คุณสามารถปลดแอกประเทศได้หากคุณปฏิบัติการร่วมกันเท่านั้น.”
10.  "If the United States of America or Britain is having elections, they don't ask for observers from Africa or from Asia. But when we have elections, they want observers."
 ๑๐. “หากสหรัฐอเมริกา หรือ สหราชอาณาจักร กำลังมีการเลือกตั้ง, พวกเขาไม่ขอให้มีผู้สังเกตการณ์จากอาฟริกา หรือ จากเอเชีย.  แต่พอพวกเราจะมีการเลือกตั้ง, พวกเขาต้องการเป็นผู้สังเกต.”
11.  “When a man is denied the right to live the life he believes in, he has no choice but to become an outlaw.”
 ๑๑. “เมื่อบุคคลหนึ่งถูกปฏิเสธสิทธิ์ในการดำเนินชีวิตที่เขาเชื่อ, เขาย่อมไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากกลายเป็นคนนอกกฎหมาย.”
12.  On Gandhi: "From his understanding of wealth and poverty came his understanding of labor and capital, which led him to the solution of trusteeship based on the belief that there is no private ownership of capital; it is given in trust for redistribution and equalization. Similarly, while recognizing differential aptitudes and talents, he holds that these are gifts from God to be used for the collective good."
๑๒. เกี่ยวกับ คานธี: “จากความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับความมั่งคั่ง และ ความยากจน นำมาสู่ความเข้าใจ เรื่องแรงงานและทุน, ซึ่งนำเขาไปสู่ทางออกของ ภาวะผู้พิทักษ์มรดก บนฐานความเชื่อที่ว่า ทุน ไม่มีกรรมสิทธิ์เอกชน; มันถูกให้มาด้วยความไว้วางใจ ให้กระจายใหม่ และ ทำให้เสมอภาคกัน.  ในทำนองเดียวกัน, ในขณะที่ยอมรับความแตกต่างกันทางปรีชาญาณและพรสวรรค์, เขายืนหยัดว่า สิ่งเหล่านี้ เป็นของขวัญจากพระเจ้าให้นำมาใช้เพื่อผลประโยชน์ร่วมของส่วนรวม.”


# # #
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-Share Alike 3.0 License.
Published on Friday, December 6, 2013 by Common Dreams
"If there is a country that has committed unspeakable atrocities in the world, it is the United States of America. They don't care for human beings."
No one has spoken truer words. Americans have only two emotions -- fear and anger. They care nothing about others, not even their own.
Look at the current cutting of food stamps, and the upcoming cutting of social security. Look at the destruction of Detroit and the exaltation of Wall Street, despite years of criminality.
Unfortunately, Mandela's life changed only a little in the world, because as he said, change requires a collective, not one man. People shouldn't worship Mandela, they should act together and refuse their subjugation.
The forces of evil have risen steadily for generations now, engulfing the entire planet. And to a large extent it has happened because the educated classes in most countries have gone along. Got a good job in the high tech industry and drive a BMW, so who cares about dead children in Afghanistan, Somalia, Congo, Central African Republic, Libya, Syria, Palestine, Egypt, Qatar, Bahrein, Saudi Arabia, and on and on.

Americans have THREE emotions. You left out greed.
When US politicians raise enough corporate cash and push the voters' fear, anger and greed buttons, they win.
I'd say fear trumps anger and greed. Anger and greed are by-products of a deeper more basic fear. Greed from fear lives in the Land of Not-Enough. Anger replaces fear as a more socially acceptable form of expression.
Wow.. only 3 emotions...besides emotions created the mess we are in... logical thinking and consequences must trump emotional responses like exceptionalism and patriotism....that's why we will not get out of the mess we are in.
I totally agree with the priority given to "logical thinking and consequences"; however, I have a hunch that the late Mr. Mandela would have agreed that "emotional responses" must include EMPATHY and COMPASSION. Pope Francis and His Holiness the Dalai Lama embody both of these everlasting, global responses. These two men, prominent, serve as living examples to all ordinary human beings -- including "yours truly" in Oregon.
Not an emotion, a vocation.
perhaps his death will breath new life into the collective. For the last 50 years we have the social experiment of a few wealthy individuals who believed they were God's chosen few. If we listen to Mandela we will turn our backs on this system that has left our planet in peril and men fighting over the spoils. Africa consumes less in one year than we do between dinner and breakfast. Shame on the politicians who are the shills for this monster.
The quote is true (of course), but I don't find it particularly interesting.
Other countries have also committed unspeakable atrocities (although most countries probably have not).
As far as caring for human beings, most states are like cold monsters operating under some logic that does not include caring for human beings. I don't mean to over-generalize, so, ok, maybe Bolivia does care about human beings (their constitution cares about the Earth, after all). Maybe there is some other exception, somewhere. But in general, states are not warm and fuzzy entities.

I think the United States stands apart qualitatively from other countries because it's in the cultural grip of an ideological poison often referred to American Exceptionalism. All kinds of pathologies derive from that.

etc....

วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

324. โครงการน้ำท่วมกินผัก...ประวัติ ผลงาน และ วิสัยทัศน์






ประวัติ ผลงาน และ วิสัยทัศน์


 “น้ำท่วมกินผัก...จุดเปลี่ยนประเทศไทย”

โครงการบูรณาการครบวงจร
เพื่อเปลี่ยนประเทศไทย
 จาก เศรษฐกิจทุนนิยม สู่ เศรษฐกิจพอเพียง




สารบัญ

๑.      วัตถุประสงค์
๒.     ความเป็นมา
๓.     ผลิตผล คุณภาพ และ “อาหารเป็นยา”
๔.     วิสัยทัศน์ : จาก ชมรมสุขภาพ สู่ สังคม
๕.     ประสบการณ์และความชำนาญ
๖.      ข้อมูลสนับสนุนโครงการ







โครงการน้ำท่วมกินผัก...จุดเปลี่ยนประเทศไทย
54  ซอยกรุงเทพกรีฑา 8   แยก  ถนนกรุงเทพกรีฑา  แขวงหัวหมาก  เขตบางกะปิ  กทม.  10240
โทร. 086-367-4362, 085-975-4086   E-mail: phair_ru@hotmail.com, Website:  www.fcthai.com


๑. วัตถุประสงค์
          โครงการฯ มีนโยบายกระจายความรู้ ลงไปถึงระดับหมู่บ้าน เพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพดี ทั้งในเชิง ป้องกันและรักษา. หลักๆมีดังนี้
1.    ให้ประชาชนมีสุขภาพดี  ประหยัดค่ารักษาพยาบาลทั้งของตัวเองและประเทศชาติ (ประมาณ  275,000 ล้านบาท/ปี )
2.    ลดความเหลื่อมล้ำของรายได้ ระหว่างเมืองกับชนบท. ชุมชนจะมีรายได้จากการเป็นครัวอาหาร โลก (รักษาโรคได้) และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ – นิเวศน์ เช่นโฮมสเตย์ แทนนักธุรกิจในระบบทุนนิยมปัจจุบัน ซึ่งจะล่มสลาย และเปลี่ยนไปสู่ระบบเศรษฐกิจพอเพียงในที่สุด
3.     ระบบเศรษฐกิจของเราจะมั่นคง, ยั่งยืน, เพราะมีรายได้จากครัวอาหารโลก และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ–นิเวศน์ ซึ่งเป็นผลผลิตจากแผ่นดินของเราเกือบ 100% แทนการส่งออกซึ่งได้กำไรเพียงน้อยนิดจากค่าแรง, และวัตถุดิบในประเทศเล็กน้อย นอกจากนี้ ตลาดต่างประเทศ เราก็ควบคุมความต้องการได้ยาก  รวมทั้งค่าของเงิน (อัตราแลกเปลี่ยน) ซึ่งปัจจุบัน มีสงครามเศรษฐกิจการเงินทั่วโลกดังที่ทราบกันดีอยู่แล้ว

๒. ความเป็นมา                                     
          “น้ำท่วมกินผัก...จุดเปลี่ยนประเทศไทย” เป็นการตกผลึกทางความคิด จากการปฏิบัติเชิงวิจัยและพัฒนา (R&D) อย่างไม่เป็นทางการ ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๓๑  ในระยะแรก เป็นความสนใจส่วนตัวที่ศึกษาค้นคว้าเพื่อรักษาโรคตับอักเสบ (ไวรัสบี) ของตนเอง (นายไพโรจน์ รุ้งรุจิเมฆ) ตามทฤษฎีแมคโครไบโอติค ซึ่งใช้หลักปรับสมดุลพลังหยิน-หยางในร่างกายด้วยอาหารที่ปรุงด้วยผลิตภัณฑ์อินทรีย์อันหลากหลายให้มีสัดส่วนหยิน-หยางสมดุล จนหายจากโรคโดยไม่ต้องใช้ยาสมัยใหม่    ในปี พ.ศ.๒๕๔๙ ได้ก่อตั้ง บ้านไร่ไพโรจน์  เพื่อทำเกษตรกรรมอินทรีย์พอเพียงเอง บนพื้นที่ ๔๐ ไร่ ที่บางน้ำเปรี้ยว ฉะเชิงเทรา   ได้เข้าฝึกอบรมเกษตรกรรมพื้นฐาน แล้วค้นคว้าทดลองเองต่อไป จนพบวิธีฟื้นชีวิตดินให้สามารถผลิตพืชผลเกษตรอินทรีย์คุณภาพสูงได้   ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๕๒ ได้ก่อตั้ง Health Club (ชมรมสุขภาพ) 6009 เพื่อรักษาญาติมิตรที่ป่วยด้วยโรคอันเกิดจากความเสื่อมของร่างกาย โดยอาศัยความรู้จากประสบการณ์การรักษาตนเอง    การที่บ้านไร่ไพโรจน์ผลิตวัตถุดิบได้เอง นอกจากมั่นใจในคุณภาพวัตถุดิบ ยังลดต้นทุนเมื่อเทียบกับซื้อจากห้างสรรพสินค้า     
มหาอุทุกภัยปลายปี ๒๕๕๔ ทำให้เล็งเห็นว่า แนวทาง “อาหารเป็นยา” นี้ หากสามารถขยายผลให้ครอบคลุมทั่วประเทศไทย จะช่วยป้องกันหรือบรรเทาความรุนแรงของภัยพิบัติอันเนื่องมาจากน้ำท่วมได้ เพราะการขุดบ่อเพื่อทำเกษตรผสมผสานในเชิงเศรษฐกิจพอเพียง ย่อมทำหน้าที่เป็นแก้มลิงย่อยๆ ไปในตัว ส่วนการปลูกป่ารักษาดิน ย่อมช่วยลดความรุนแรงของน้ำหลากหรือน้ำแล้งด้วย เป็นต้น   นอกจากนี้ การรักษาสุขภาพที่ต้นเหตุ คือ ปรับอาหาร และพฤติกรรมการกิน แทนการแก้ไขที่ปลายเหตุหรืออาการป่วยด้วยยา จะช่วยประหยัดงบประมาณแห่งชาติได้มหาศาล   เพื่อให้แนวคิดนี้สัมฤทธิ์ผลได้ จะต้องถูกยกระดับแนวทาง “อาหารเป็นยา” ให้เป็นวาระแห่งชาติ   

            โครงการ “น้ำท่วมกินผัก”  จึงเป็นดั่งการวิจัยและพัฒนา ต่อยอดจากประสบการณ์ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ที่มีวิวัฒนาการจากการแสวงหาวิถีทางเลือกเพื่อรักษาโรคส่วนตัว สู่การขยายผลเพื่อช่วยรักษาโรคให้เพื่อน สู่ปณิธานที่จะขยายแนวทางนี้ให้เป็นพื้นฐานในการดูแลสุขภาพองค์รวมของสังคมส่วนรวม สู่การลดช่องว่างทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ของชาติ  
วิกฤตน้ำท่วม ได้กลายเป็นแรงดลใจ และที่มาของชื่อโครงการ “น้ำท่วมกินผัก”   พลังบวกที่หลั่งไหลอย่างล้นหลามจากชาวไทยทั่วประเทศเพื่อช่วยเหลือพี่น้องร่วมชาติ ที่ตกทุกข์เพราะน้ำท่วมผิดธรรมชาตินั้น ได้ท่วมล้างพลังลบเรื้อรังก่อนหน้า ที่สร้างความแปลกแยกร้าวฉานแบ่งสีเป็นแรมปี   โครงการ “น้ำท่วมกินผัก” ไม่มีสี  ต้องการเป็นตัวสมานให้ประชาชนไทยคืนสติ หันมาใช้ปัญญาแก้ไขปัญหาปากท้อง พัฒนาทรัพยากรมนุษย์แบบองค์รวม  กู้สุขภาพตัวเองและสุขภาพของนิเวศ ทำให้ประเทศไทยก้าวสู่เศรษฐกิจพอเพียงอย่างยั่งยืนและเป็นผู้นำในการก้าวย่างสู่ประชาคมอาเซียน

๓. ผลิตผล คุณภาพ และ “อาหารเป็นยา”
            หลังจากบุกเบิก ทดลองวิจัยอยู่เกือบ ๒ ปี  โดยเลียนแบบวงจรธรรมชาติของป่า ๑๐๐ ปีใกล้เคียง ที่นาเสื่อมโทรม ๔๐ ไร่ ของบ้านไร่ไพโรจน์ ที่บางน้ำเปรี้ยว ฉะเชิงเทรา  ก็ฟื้นคืนความอุดมสมบูรณ์  ให้ผลผลิตที่มีธาตุอาหารสูง (ตารางที่ 1) และได้ใบรับรองมาตรฐานจาก IFOAM (มกท) ในปี ๒๕๕๑    

ตารางที่ 1 เปรียบเทียบผลการวิเคราะห์ธาตุอาหารในกระเจี๊ยบที่ปลูกในไร่ไพโรจน์ กับที่อื่น ๆ โดยกองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข 
ธาตุอาหาร
บ้านไร่ไพโรจน์
Organic supplier อื่น
มหิดล
หนังสือผัก
333 ชนิด
โปแตสเซียม (มก)
2,648
204.6
198
-
แคลเซียม (มก)
422
76.5
11
11
สังกะสี (มก)
5.43
0.6
0.4
-
วิตามินเอ (ในรูปเบตาแคโรทีน) (RE)
51
87.6
66
5.6

ก.     “อาหารเป็นยา”
การก่อตั้ง Health Club 6009 หรือ ชมรมสุขภาพ ในปี ๒๕๕๒ ไม่ได้ทำเป็นธุรกิจ แต่เป็นการช่วยเหลือค่าใช้จ่าย (ห้องครัว การบริหาร และการจัดส่งถึงบ้าน) แบ่งทุกข์แบ่งสุขกัน ในลักษณะ วิสาหกิจเพื่อสังคม (social enterprise)   เนื่องจากการประกอบการนี้อยู่ในกรุงเทพฯ  สมาชิกสามารถตรวจเช็คร่างกายและส่งข้อมูลทางแพทย์ให้ติดตามผลได้อย่างต่อเนื่อง[1]  ตารางที่ ๒ เป็นสรุปผลจากตัวอย่างสมาชิกที่หายจากโรค

ตาราง ตัวอย่างสมาชิกเฮลท์คลับ 6009 ที่หายจากโรคด้วยการรับประทานอาหารปิ่นโตของบ้านไร่ไพโรจน์

ชื่อ
อาการป่วย
1
ดร.เทียม  เจนงามกุล
คอเรสเตอรอลสูง
2
นางอรัญญา  ทวีลาภาภรณ์
อ้วน
3
นายนรินทร์
อ้วน
4
นายเธียร  ชูพิศาลยโรจน์
ไขมันสูง
5
นายสรศักดิ์  แสนสมบัติ
ไขมันสูง
6
นายสุรชัย  อาภรณ์สุสัมฤทธิ์
ความดัน,  ไขมันสูง
7
นายพิเชษฐ์  ลิมปิพิพัฒนากร
อ้วน,  ความดัน,  ไขมันสูง
8
นายสมเกียรติ
อ้วน, คอเรสเตอรอลสูง,  เบาหวาน,  ความดัน
9
อาจารย์ปรีชา
ไขมันสูง,   เสียดแน่นหน้าท้องบริเวณชายโครง
10
นายปฏิภาณ  อริยเดช
ไขมันสูง, CEA
11
นางปราณี  วาริการ
CEA, ระบบขับถ่ายไม่ปกติ
12
นายวิทวัส  พรกุล
อ้วนนอนกรน,  กรดไหลย้อน,   ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
13
นายพิพัฒน์  รัตนไตรภพ
โรคหัวใจ,  เส้นเลือดขั้วหัวใจตีบ
14
นายเมธา  มณีรัตนพร
โรคเก๊า,  ความดัน 90/140
15
นายชนะ  โตวัน
เบาหวาน,  น้ำตาล 300
16
นางบุ้ง  แซ่เจี่ย
เบาหวาน,  ความดัน,  หัวใจ,  ไอเรื้อรัง
17
ดร.บูรพา  ชดเชย
เบาหวาน,  โรคไต,  ฟอกไต 3 ครั้ง/สัปดาห์
18
นายไพโรจน์  รุ้งรุจิเมฆ
โรคตับอักเสบ-ไวรัสบี,   ภูมิแพ้
19
นางสาวกนกวรรณ
เนื้องอกที่กระดูกสันหลัง,  ผอม
20
นางวัชรี  คุณกิตติ
เนื้องอกที่เต้านม
21
นางกัลยา
มะเร็งเต้านม
22
นางชนิศา
มะเร็งเต้านม,  กระดูกสะโพก
23
นางอำไพ  อุสบณาจิตต์
มะเร็งเต้านม, ผ่านการฉายรังสีรอบ 2
24
แม่นางอำไพ  อุสบณาจิตต์
มะเร็งเต้านม,  มะเร็งปอด,  มะเร็งลำไส้,  มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
25
นายวันชัย  คิดหาทอง
มะเร็งต่อมน้ำเหลือง, ได้ผ่านการฉายรังสี
26
นายพีรพงษ์  นิคมขำ
มะเร็งต่อมลูกหมาก, PSA > 100

ปัจจุบัน บ้านไร่ไพโรจน์ยังคงดูแลรักษาผู้ป่วยอื่นๆ ต่อไป (ส่วนมากจากการแนะนำปากต่อปาก)   ตารางที่ ๓ เป็นผลเลือดของผู้ป่วยปัจจุบันท่านหนึ่ง อายุ ๗๐ ปี ป่วยเป็นมะเร็งเต้านม ระยะ ๔   หลังจากเริ่มรับประทานอาหารปิ่นโตในวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๕  หลังจาก ๓๐ วัน ค่า Marker มะเร็ง CA15-3 หยุด            เพิ่มขึ้นอยู่ ๒ เดือน (ธค. และ มค.) และลดลง 6% เมื่อย่างเข้าเดือนที่ ๓ (กพ.)  ในขณะเดียวกัน ค่าเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้น 38%  แม้เม็ดเลือดแดงจะลดลง 7% (แต่ลดลงในอัตราที่ถดถอย) เมื่อย่างเข้าสู่เดือนที่ 4 (มี.ค.) ค่าเม็ดเลือดแดงกลับเพิ่มขึ้น 1.22%  ค่ามะเร็งลดลง 23% แม้เม็ดเลือดขาวลดลง (แต่ยังอยู่ในพิกัด) ภาพรวมถือว่าดีขึ้นมาก และผู้ป่วยเองก็รายงานว่ารู้สึกดีขึ้นเรื่อย ๆ
ตารางที่ 3  ผลการตรวจเลือดของผู้ป่วยเป็นมะเร็งเต้านม ระยะที่ ๔ ตั้งแต่ ส.ค. ๒๕๕๕ ถึง ๒๓ มี.ค. ๒๕๕๖
วันเดือนปี
Hemoglobin
(g/dl)
เปลี่ยนแปลง
เดือน/เดือน(%)
Hematocrit
(%)
WBC
(Cell/cu mm)
Platelet Count
(Cell/Cu mm)
Tumor Marker CA15-3
ส.ค.55
10.2
-
30.4
4,900
383,000
38.91
ก.ย.55
10.1
-0.98
30.8
5,000
360,000
44.35
ต.ค.55 
10.1
0
30.6
4,900
319,000
46.95
ธ.ค.55 (เริ่ม)
8.8
-12.87
26.1
4,500
350,000
64.51
26 ม.ค.56
8.5
-3.41
25.4
4,600
301,000
65.84
17 ก.พ. 56
8.3
-2.35
25.8
5,300
361,000
-
23 ก.พ.56
8.2
-1.20
25.9
6,200
350,000
60.76
23 มี.ค.56
8.3
+1.22
25.7
4,900
378,000
46.86
          เพื่อขยายผลจากกิจกรรมในหมู่ญาติมิตรสู่สาธารณะระดับชุมชนท้องถิ่น ภายใต้โครงการ  “น้ำท่วมกินผัก”  บ้านไร่ไพโรจน์ได้ทำการนำร่องอบรมและบริการรักษาผู้ป่วยด้วย “อาหารเป็นยา” หรือ “โภชนบำบัด” ซึ่งอาจเรียกง่ายๆ ว่า เป็นคอร์สอาหารปิ่นโต (๓ มื้อ) ๑๔ วัน ที่ชุมชนพุเตย ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ระหว่างวันที่ ๕-๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖  ผลการรักษาเป็นที่น่าพอใจดังแสดงใน ตารางที่ ๔

ตาราง 4  ผลสุขภาพของสมาชิกชุมชนพุเตย ๙ ท่านหลังจากรับประทานอาหารปิ่นโต ๑๔ วัน (๕-๑๘ กพ ๒๕๕๖)

ชื่อ  -  นามสกุล
อายุ/ปี
โรค
ผลจากการรับประทานชุดอาหาร
นายวศิน     แก้วจิตคงทอง
55
เบาหวาน  ไขมันในเส้นเลือด
หลังจากร่วมโครงการ 13 วัน ได้ไปตรวจพบว่าเบาหวานลด ไขมันลด น้ำหนักตัวลด อาการกรนลด  หลับสบายขึ้น    และร่างกายแข็งแรงขึ้น
หมอไสว     อินทพงศ์
55
เบาหวาน  ความดันสูง   อ่อนเพลียง่าย
หลังจากร่วมโครงการ 12 วัน ได้ไปตรวจ พบว่าเบาหวานลด ความดันลด ร่างกายแข็งแรงขึ้น ไม่ค่อยอ่อนเพลีย  จิตใจดีขึ้น  นอนหลับสบายขึ้น
นายเชียง    บุญตัน
54
เบาหวาน   ความดันสูง  
หลังจากเมื่อร่วมโครงการ 14 วัน ความดันลดลง  เบาหวานลดลง ร่างกายแข็งแรงขึ้น นอนหลับดีขึ้น
นายประเสริฐ   อินทร์อยู่
61
เบาหวาน   ความดันสูง  
หลังจากร่วมโครงการ ได้ 7 วัน และ 10 วัน ได้ไปตรวจ ผลคือ เบาหวานลด ความดันลด   ปัสสาวะตอนกลางคืนลดจาก 4 เหลือ 2 ครั้งต่อคืน   อาการปวดแสบร้อนขาและเท้าลดลง
นางเฉลียว    พลราชม
50
ความดันสูง  
หลังจากร่วมโครงการ 12 วัน ได้ไปตรวจ พบความดันสูงคืนสู่ปกติ
นางลออ     พลายงาม
68
ความดันสูง
หลังจากร่วมโครงการ 12 วัน ความดันลดลง นอนหลับดีขึ้น ไม่ค่อยปวดขา ร่างกายแข็งแรงขึ้น
นายเก็บ    พลายงาม
76
ข้อมือสั่น
หลังจากร่วมโครงการ 12 วัน อาการมือสั่นลดลง   นอนหลับสบายขึ้น   และร่างกายแข็งแรงขึ้น
นายสมชาย   นาเอก
51
ปวดท้ายทอย   ปวดหัว  
หลังจากร่วมโครงการ 14 วัน อาการปวดท้ายทอยลด ร่างกายสดชื่น หน้าตาแจ่มใสขึ้น นอนหลับดีขึ้น
นายวิกิจ    แก้วจิตคงทอง
61
มึนศีรษะช่วงตื่นนอน 
หลังจากร่วมโครงการ 10 วัน อาการมึนศีรษะหายไป   รู้สึกแข็งแรงขึ้น


ข.      หลักการ “อาหารเป็นยา”
ตามหลักแมคโครไบโอติก ความเจ็บป่วยเป็นอาการของความไม่สมดุลของพลังหยิน-หยางในร่างกาย  การรักษาโรคจึงต้องเริ่มต้นที่การปรับความสมดุลนี้ ด้วยการรับประทานอาหารที่สมดุลและหลากหลาย เช่น พืชผัก ข้าว ธัญพืช ผลไม้ คุณภาพสูงจากเกษตรอินทรีย์ (และโปรตีนจากไก่ ปลาที่เลี้ยงตามธรรมชาติ)  รวมทั้งการปรับเปลี่ยนกิจวัตรและภาวะจิต (“องค์รวม”, ดู www.fcthai.com)  



๔. วิสัยทัศน์ จาก ชมรม สู่ สังคม
          หลังจากดำเนินกิจกรรมเชิงวิจัยและพัฒนาอยู่ ๔-๕ ปี ผ่านชมรมสุขภาพ (Health Club 6009)   บ้านไร่ไพโรจน์มีความมั่นใจในองค์ความรู้และคุณประโยชน์จากแนวทางผลิตเกษตรอินทรีย์และวิธีฟื้นฟูสุขภาพด้วย อาหารเป็นยา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต่อผู้ผลิต และผู้บริโภค   เมื่อพิจารณาในระดับมหภาค จะเห็นได้ว่า แนวทางนี้จะสามารถช่วยประหยัดงบประมาณประเทศได้ด้วย

ก.     ผู้ผลิตขายได้ราคาสูงขึ้น  ผู้บริโภคซื้อได้ในราคาถูกลง (เพราะตัดคนกลาง)

ราคาเดิม (บาท/กก)
ราคาใหม่ (บาท/กก)
ส่วนต่าง (%)
ผู้ผลิต/ขาย
20-30
40-60
+50 ถึง 100
ผู้ซื้อ
70-120
40-60
-40 ถึง 50


ข.      ประหยัดงบประมาณแผ่นดิน
จากการประมวลข้อมูลการรักษาสมาชิก Health Club 6009 ที่ฟื้นสุขภาพและหายจากโรคต่างๆ ด้วย แนวทาง “อาหารเป็นยา” นี้  อาจประเมินมูลค่าของแนวทางนี้ได้ ดังนี้ สมมติว่า “อาหารเป็นยา” นี้ ช่วยประหยัดค่ายา/ค่าใช้จ่ายรักษาโดยเฉลี่ยของผู้ป่วยหนึ่งคนได้ ๓,๐๐๐-๔,๐๐๐บาท/เดือน หากเผยแพร่ให้ผู้ป่วยทั่วประเทศเข้าถึงได้ปีละ ๓ ล้านคน ก็จะประหยัดงบประมาณแผ่นดินในการซื้อยาได้ถึง                                        ๙,๐๐๐-๑๐,๐๐๐ ล้านบาท/เดือน หรือประมาณ ๑๒๐,๐๐๐ ล้านบาท/ปี (275,000 ล้านบาท/ปี ข้อมูลสาธารณสุข)  งบประมาณนี้ นำมาใช้พัฒนาแนวป้องกันให้เกิดสุขภาวะแบบองค์รวม และทรัพยากรมนุษย์ในประเทศ จะดีกว่าใช้แก้ไขรักษาที่ปลายเหตุ
                                     
ค.     ภาพรวมของโครงการน้ำท่วมกินผัก...จุดเปลี่ยนประเทศไทย



เศรษฐกิจใหม่

 


๕. ประสบการณ์ & ความชำนาญ
                   บ้านไร่ไพโรจน์ à เฮลท์คลับ6009 à น้ำท่วมกินผัก...จุดเปลี่ยนประเทศไทย”
                   ประสบการณ์กว่า 6 ปี
                   ประสบการณ์ส่วนตัว
                   บำบัดโรคตับอักเสบ-ไวรัสบี กว่า 25 ปี (พ.ศ. ๒๕๓๑)
                   พัฒนาความรู้ความชำนาญอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นในช่วง ๖ ปีที่ผ่านมา
                   ความชำนาญ
          รักษา :
                   โรคอันเกิดจากความเสื่อมของร่างกาย  (ยกเว้นมะเร็ง) เช่น เบาหวาน ความดันสูง ไขมันสูง เป็นต้น
                   เห็นผลภายใน 14 วัน
                   มะเร็ง
                   อย่างน้อย 30 วัน เห็นผลการเปลี่ยนแปลงดีขึ้นชัดเจน
                   การปรุงอาหารให้เป็นยาฟื้นฟูภูมิต้านทาน และเยียวยาร่างกาย
                   การปลูกพืชผักอินทรีย์ และฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของดิน
                   ผลิตผลมีธาตุอาหารสูง สมบูรณ์ ถูกสัดส่วน เป็นธรรมชาติ
๖. ข้อมูลสนับสนุนโครงการ
                   หนังสือ ปฏิวัติชีวิต ปฏิวัติสุขภาพของ น.พ. บุญชัย อิศราพิสิษฐ์  เป็นการพิชิตโรคร้าย  โดยไม่ใช้ยา
                   การบรรยายทางวิชาการของ Dr. Dean Ornish, MD (แพทย์ศัลยกรรมหัวใจ), 2012
                   http://www.youtube.com/watch?v=QYmInK5xo6g (ภาษาอังกฤษ)
                   ชมวีดีโอ การบรรยายของ ดร.ออร์นิช (พากษ์ไทย) ได้ที่ www.fcthai.com หรือ http://www.youtube.com/watch?v=IFRmg_skn9k
                   การรักษาโดยอาหาร+ปรับพฤติกรรม, ได้ผลดีกว่าการแพทย์กระแสหลัก ยืนยันได้ด้วยการตรวจวัดด้วยอุปกรณ์การแพทย์ทันสมัยที่สุด
                   บริษัทประกันสุขภาพในสหรัฐฯ ลดค่าใช้จ่ายได้มากเมื่อผู้ทำประกันปรับอาหารและพฤติกรรม
                   Medicare ของสหรัฐฯ ยอมให้เบิกค่าใช้จ่ายจากการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติแล้ว  (ตั้งแต่พฤศจิกายน 2555) แพทย์จะเปลี่ยนวิธีการรักษา และหลักสูตรแพทย์จะเปลี่ยนไป

เศรษฐกิจใหม่

 
 



7 พย/4 เมษายน 2556



[1] แต่เมื่อเวลาผ่านไป และมีการย้ายสำนักงาน ทำให้ข้อมูลดังกล่าวพลัดหายไป