257.
Education Reform in US: Cultivating Human Mind or Programing Zombies?
Corporate
Education 'From Above' and the Trouble with Common Core
by Rethinking Schools Editorial
การศึกษาแบบบรรษัท
‘จากเบื้องบน’ และปัญหากับ คอมมอนคอร์ (แกนร่วม)
-บทบรรณาธิการ
คิดใหม่เรื่องโรงเรียน
ดรุณี
ตันติวิรมานนท์ แปล
(Cartoon: Ethan Heitner / More at:
freedomfunnies.wordpress.com)
It
isn't easy to find common ground on the Common Core. Already hailed as the “next
big thing” in education reform, the Common Core State Standards are being
rushed into classrooms in nearly every district in the country. Although these
“world-class” standards raise substantive questions about curriculum choices
and instructional practices, such educational concerns are likely to prove less
significant than the role the Common Core is playing in the larger landscape of
our polarized education reform politics.
มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาจุดยืนร่วมได้ใน
คอมมอนคอร์ (“แกนร่วม”). มาตรฐานรัฐ
คอมมอนคอร์ ที่ได้รับการต้อนรับให้เป็น “ของใหญ่โตถัดไป” ในการปฏิรูปการศึกษา,
กำลังถูกกุลีกุจอผลักเข้าสู่ห้องเรียนในเกือบทุกเขตในประเทศ. แม้ว่า มาตรฐาน “ระดับโลก” เหล่านี้จะได้ตั้งคำถามที่เป็นสาระต่อการเลือกหลักสูตร
และ วิธีการสอน, ความห่วงใยต่อการศึกษาเหล่านี้
คงจะพิสูจน์ให้เห็นว่ามีนัยสำคัญน้อยกว่าบทบาทที่ คอมมอนคอร์ กำลังเล่นอยู่ในภูมิทัศน์ที่ใหญ่กว่า
ของการเมืองการปฏิรูปการศึกษาที่แยกขั้วของเรา.
We
know there have been many positive claims made for the Common Core:
เรารู้ว่า
มีข้ออ้างบวกหลายประการที่ คอมมอนคอร์ ยกขึ้นมา.
That
it represents a tighter set of smarter standards focused on developing critical
learning skills instead of mastering fragmented bits of knowledge.
ว่ามันเป็นตัวแทนของชุดมาตรฐานชาญฉลาดกว่าที่กระชับ
เข้มงวดกว่า เน้นที่การพัฒนาทักษะการเรียนรู้เชิงวิพากษ์
แทนที่จะเป็นผู้จัดการบริหารเศษชิ้นความรู้ที่กระจัดกระจาย.
That
it requires more progressive, student-centered teaching with strong elements of
collaborative and reflective learning.
ว่า
มันต้องการวิธีการสอนที่ก้าวหน้า, มีนักเรียนเป็นศูนย์กลางกว่า
พร้อมด้วยองค์ประกอบแข็งแรงของการศึกษาชนิดถักทอและสะท้อนความนึกคิด.
That
it equalizes the playing field by raising expectations for all children,
especially those suffering the worst effects of the “drill and kill” test prep
norms of the recent past.
ว่า
มันเป็นการปรับพื้นสนามการเล่นให้เสมอกัน
ด้วยการยกระดับความคาดหวังสำหรับเด็กทั้งหมด, โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
พวกที่ทุกข์ทรมานจากผลกระทบแย่ที่สุดของ การเตรียมสอบตามปกติที่ “ฝึกเจาะและสังหาร”
ที่เพิ่งผ่านมา.
We
also know that many creative, heroic teachers are seeking ways to use this
latest reform wave to serve their students well. Especially in the current
interim between the rollout of the standards and the arrival of the tests, some
teachers have embraced the Common Core as an alternative to the scripted
commercial formulas of recent experience, and are trying to use the space
opened up by the Common Core transition to do positive things in their
classrooms.
เราก็รู้ว่า ครูหลายคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ได้สร้างวีรกรรม
กำลังแสวงหาทางที่จะใช้คลื่นปฏิรูปลูกล่าสุดนี้
ให้รับใช้นักเรียนของพวกเขาด้วยดี.
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วยรอยต่อ ระหว่างการม้วนเสื่อออกไป และ
การมาถึงของการทดสอบ, ครูบางคน ได้โอบรับ คอมมอนคอร์ ในฐานะทางเลือกของสูตรจารึกพาณิชย์อันเป็นประสบการณ์เมื่อเร็วๆ
นี้, และกำลังพยายามใช้พื้นที่ที่เปิดขึ้นในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ คอมมอนคอร์
เพื่อทำเรื่องบวกๆ ในห้องเรียนของพวกเขา.
We'd
like to believe these claims and efforts can trump the more political uses of
the Common Core project. But we can't.
เราอยากเชื่อข้ออ้างเหล่านี้ และ
สามารถรวมความพยายามเพื่อใช้ประโยชน์ทางการเมืองที่มากกว่าของโครงการคอมมอนคอร์.
For
starters, the misnamed “Common Core State Standards” are not state standards.
They're national standards, created by Gates-funded consultants for the
National Governors Association (NGA). They were designed, in part, to
circumvent federal restrictions on the adoption of a national curriculum, hence
the insertion of the word “state” in the brand name. States were coerced into
adopting the Common Core by requirements attached to the federal Race to the
Top grants and, later, the No Child Left Behind waivers. (This is one reason
many conservative groups opposed to any federal role in education policy oppose
the Common Core.)
สำหรับคนที่เพิ่งเริ่ม,
ชื่อบิดเบือน “มาตรฐานรัฐ คอมมอนคอร์” ไม่ใช่มาตรฐานของรัฐ. มันเป็นมาตรฐานแห่งชาติ, สร้างขึ้นโดย
ที่ปรึกษาจ่ายเงินโดย (บิลล์) เกตส์ สำหรับ สมาคมข้าหลวงแห่งชาติ / National
Governors Association (NGA). มันถูกออกแบบ, ส่วนหนึ่ง, เพื่อเล็ดลอดกฎข้อบังคับของรัฐบาลกลาง
ว่าด้วยการยอมรับหลักสูตรแห่งชาติ, ดังนั้น จึงแทรกคำว่า “รัฐ” ลงในยี่ห้อ. รัฐต่างๆ ถูกบีบบังคับให้ยอมรับ คอมมอนคอร์
ด้วยข้อบังคับที่พ่วงอยู่กับ ทุนวิ่งแข่งสู่ความเป็นยอด (Race to the Top
grants) และ, ภายหลัง, การขอในโครงการ ไม่มีเด็กที่ถูกทิ้งอยู่ข้างหลัง
(No Child Left Behind waivers). (นี่เป็นหนึ่งในหลายๆ
เหตุผลที่กลุ่มอนุรักษ์พากันคัดค้านบทบาทใดๆ ของรัฐบาลกลางในนโยบายการศึกษา
ที่คัดค้าน คอมมอนคอร์).
Written
mostly by academics and assessment experts—many with ties to testing
companies—the Common Core standards have never been fully implemented and
tested in real schools anywhere. Of the 135 members on the official Common Core
review panels convened by Achieve Inc., the consulting firm that has directed
the Common Core project for the NGA, few were classroom teachers or current
administrators. Parents were entirely missing. K–12 educators were mostly
brought in after the fact to tweak and endorse the standards—and lend
legitimacy to the results.
ผู้เขียนส่วนใหญ่เป็นนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญการประเมิน—หลายคนผูกติดกับบริษัททำการทดสอบ—มาตรฐานคอมมอนคอร์
ไม่เคยถูกดำเนินการและทดสอบเต็มรูปแบบในโรงเรียนจริงๆ ที่ไหนมาก่อน. ในบรรดาสมาชิก 135 คน
ที่นั่งอยู่ในคณะทบทวนทางการที่จัดโดย บริษัท Achieve Inc.,
อันเป็นบริษัทที่ปรึกษา ที่กำหนดทิศทางของโครงการ คอมมอนคอร์ สำหรับ NGA, ไม่กี่คนเป็นครูในห้องเรียน หรือ นักบริหารโรงเรียนในปัจจุบัน. พ่อแม่ผู้ปกครองหายไปหมด. นักการศึกษาเกรด K–12 ส่วนใหญ่ถูกจิกให้เข้ามารับรองมาตรฐานนี้—และให้ความชอบธรรมแก่ผลลัพธ์.
The
standards are tied to assessments that are still in development and that must
be given on computers many schools don't have. So far, there is no research or
experience to justify the extravagant claims being made for the ability of
these standards to ensure that every child will graduate from high school
“college and career ready.” By all accounts, the new Common Core tests will be
considerably harder than current state assessments, leading to sharp drops in
scores and proficiency rates.
มาตรฐานเหล่านี้
ผูกติดกับการประเมินที่ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา และ ที่จะต้องกระทำบนคอมพิวเตอร์
ซึ่งหลายโรงเรียนยังไม่มีให้ได้.
ถึงบัดนี้, ยังไม่มีงานวิจัย หรือ ประสบการณ์เพื่อพิสูจน์
ข้ออ้างเลอเลิศบรรเจิด ต่อความสามารถของมาตรฐานเหล่านี้ ที่จะทำให้แน่ใจได้ว่า
เด็กทุกคนจะจบจากโรงเรียนมัธยม “พร้อมเข้าสู่วิทยาลัยและอาชีพ”. ในทุกๆ ด้าน, การทดสอบ คอมมอนคอร์ ใหม่
จะยากกว่ามาก เทียบกับ การประเมินรัฐในปัจจุบัน, จะทำให้คะแนนและอัตราความสามารถตกอย่างรุนแรง.
We
have seen this show before. The entire country just finished a decade-long
experiment in standards-based, test-driven school reform called No Child Left
Behind. NCLB required states to adopt “rigorous” curriculum standards and test
students annually to gauge progress towards reaching them. Under threat of losing
federal funds, all 50 states adopted or revised their standards and began
testing every student, every year in every grade from 3–8 and again in high
school. (Before NCLB, only 19 states tested all kids every year, after NCLB all
50 did.)
เราได้เคยเห็นการแสดงเช่นนี้มาก่อน.
ทั่วประเทศเพิ่งยุติการทดลองยาวหนึ่งทศวรรษในการปฏิรูปโรงเรียนที่ตั้งอยู่บนชุดมาตรฐาน,
ขับเคลื่อนด้วยการสอบ ที่เรียกว่า No Child Left Behind (NCLB) ซึ่งบังคับให้รัฐต่างๆ ยอมรับ มาตรฐานหลักสูตร “แม่นยำเข้มงวด” และ
การสอบนักเรียนประจำปี เพื่อวัดความก้าวหน้าสู่เป้าหมาย. ด้วยคำขู่ว่าจะสูญทุนจากรัฐบาลกลาง,
ทั้ง ๕๐ รัฐ ยอมรับ หรือ แก้ไขมาตรฐานของตน และ เริ่มทดสอบนักเรียนทุกๆ คน, ทุกๆ
ปี ในทุกๆ เกรด จาก ๓ ถึง ๘ และสอบอีกในโรงเรียนมัธยม. (ก่อนหน้า NCLB, มีเพียง
๑๙ รัฐที่ทดสอบเด็กทั้งหมดทุกๆ ปี, หลังจาก NCLB ทั้งหมด ๕๐
รัฐทำหมด).
By
any measure, NCLB was a dismal failure in both raising academic performance and
narrowing gaps in opportunity and outcomes. But by very publicly measuring the
test results against benchmarks no real schools have ever met, NCLB did succeed
in creating a narrative of failure that shaped a decade of attempts to “fix”
schools while blaming those who work in them. By the time the first decade of
NCLB was over, more than half the schools in the nation were on the lists of
“failing schools” and the rest were poised to follow.
ไม่ว่าจะเป็นมาตรการใดๆ, NCLB ล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่าในการยกระดับความสามารถเชิงวิชาการ และ
ลดช่องว่างในโอกาสและผลพวง.
แต่ด้วยการวัดผลการสอบอย่างเปิดเผยในที่สาธารณะกว้างขวาง
ด้วยเกณฑ์มาตรฐานที่ไม่มีโรงเรียนจริงๆ ที่ไหนจะบรรลุได้, NCLB ได้ประสบความสำเร็จในการสรรค์สร้างเรื่องเล่าของความล้มเหลว
ที่ได้ปั้นแต่งความพยายามนานทศวรรษ ในการ “แก้ไข” โรงเรียน
ในขณะที่กล่าวโทษคนที่ทำงานในเรื่องนี้.
เมื่อทศวรรษแรกของ NCLB จบลง, โรงเรียนกว่าครึ่ง
ในชาติ ติดอยู่ในรายชื่อ “โรงเรียนสอบตก” และ ที่เหลือ ก็ทรงตัวเดินตามมา.
In
reality, NCLB's test scores reflected the inequality that exists all around our
schools. The disaggregated scores put the spotlight on longstanding gaps in
outcomes and opportunity among student subgroups. But NCLB used these gaps to
label schools as failures without providing the resources or support needed to
eliminate them.
ในความเป็นจริง, คะแนนสอบของ NCLB สะท้อนให้เห็นถึงความไม่เท่าเทียม ที่ธำรงอยู่รอบๆ
โรงเรียนของพวกเรา. เมื่อแยกคะแนนออก
แสงสว่างฉายไปที่ช่องว่างเรื้อรังในผลพวงและโอกาสในระหว่างกลุ่มย่อยของนักเรียน. แต่ NCLB
ใช้ช่องว่างเหล่านี้ ติดป้าย ล้มเหลว/สอบตก ให้โรงเรียนเหล่านี้
โดยปราศจากการให้ทรัพยากร หรือ ให้การสนับสนุนที่จำเป็นเพื่อขจัดมัน.
The
tests showed that millions of students were not meeting existing standards. Yet
the conclusion drawn by sponsors of the Common Core was that the solution was
“more challenging” ones. This conclusion is simply wrong. NCLB proved that the
test and punish approach to education reform doesn't work, not that we need a
new, tougher version of it. Instead of targeting the inequalities of race,
class, and educational opportunity reflected in the test scores, the Common
Core project threatens to reproduce the narrative of public school failure that
has led to a decade of bad policy in the name of reform.
การสอบได้แสดงให้เห็นว่า
นักเรียนหลายล้าน ไม่สามารถบรรลุมาตรฐานที่มีอยู่. แต่ข้อสรุปโดยผู้ให้ทุน คอมมอนคอร์ กลับบอกว่า
ทางแก้ไข คือ “ต้องทำข้อสอบให้ท้าทายมากยิ่งขึ้น”. บทสรุปนี้ผิดอย่างสิ้นเชิง. NCLB ได้พิสูจน์ว่า
แนวทางการสอบและลงโทษ เพื่อปฏิรูปการศึกษา ใช้การไม่ได้,
มันไม่ใช่ว่าเราจำเป็นต้องมีข้อสอบฉบับใหม่ ที่หินขึ้น.
แทนที่จะเป็นเล็งไปที่ความไม่เท่าเทียมในเชื้อชาติ, ชนชั้น,
และโอกาสทางการศึกษา ดังที่สะท้อนอยู่ในคะแนนสอบ, โครงการคอมมอนคอร์ กลับขู่ว่า
จะผลิตซ้ำบทบรรยายของโรงเรียนที่สอบตก ที่ได้นำไปสู่นโยบายชุ่ยหนึ่งทศวรรษ
ในนามของการปฏิรูป.
The
engine for this potential disaster, as it was for NCLB, will be the tests, in
this case the “next generation” Common Core tests being developed by two
federally funded, multi-state consortia at a cost of hundreds of millions of
dollars. Although reasonable people, including many thoughtful educators we
respect, have found things of value in the Common Core standards, there is no
credible defense to be made of the high-stakes uses planned for these new
tests.
หัวจักรของหายนะที่เป็นไปได้นี้,
ดังที่เกิดขึ้นกับ NCLB, จะเป็นการสอบ, ในกรณีนี้ “รุ่นต่อไป” ของข้อสอบ คอมมอนคอร์
ที่กำลังถูกพัฒนาขึ้น โดย สองหุ้นส่วนพหุรัฐ ที่ได้รับทุนจากรัฐบาลกลาง
ด้วยต้นทุนหลายร้อยล้านดอลลาร์. แม้ว่า
ประชาชนที่มีเหตุผล, เช่น นักการศึกษาที่ครุ่นคิดใคร่ครวญที่พวกเราให้ความเคารพ,
จะพบสิ่งที่มีคุณค่าในมาตรฐาน คอมมอนคอร์, ไม่มีการแสดงหลักฐานที่น่าเชื่อถือใดๆ
ที่ประกันว่า ประโยชน์ที่มีเดิมพันสูงดังวาดในแผน
จะสัมฤทธิ์ผลจากข้อสอบใหม่เหล่านี้. (นั่นคือ ไม่มีการทดลองใช้ข้อสอบว่ามีประสิทธิผลตามที่อ้างเพียงใด)
The
same heavy-handed, top-down policies that forced adoption of the standards
require use of the Common Core tests to evaluate educators. This inaccurate and
unreliable practice will distort the assessments before they're even in place
and make Common Core implementation part of the assault on the teaching
profession instead of a renewal of it. The costs of the tests, which have
multiple pieces throughout the year plus the computer platforms needed to
administer and score them, will be enormous and will come at the expense of
more important things. The plunging scores will be used as an excuse to close
more public schools and open more privatized charters and voucher schools,
especially in poor communities of color. If, as proposed, the Common Core's
“college and career ready” performance level becomes the standard for high
school graduation, it will push more kids out of high school than it will
prepare for college.
นโยบายเช่นเดียวกัน
ที่บีบบังคับอย่างหนักจากเบื้องบน ที่ได้บังคับให้ยอมรับมาตรฐาน ให้ต้องใช้ข้อสอบของ
คอมมอนคอร์ เพื่อประเมินนักการศึกษา.
วิธีปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องและพึ่งไม่ได้ จะบิดเบือนการประเมินก่อนที่มันจะเริ่มเข้าที่เข้าทาง
และ ทำให้การดำเนินการของคอมมอนคอร์ เป็นการโจมตี วิชาชีพการสอน
แทนที่จะฟื้นฟูให้กลับคืนมาใหม่.
ต้นทุนของข้อสอบ, ซึ่งมีหลากหลายชิ้นมากมายตลอดปี บวกกับ ฐานคอมพิวเตอร์
ที่จำเป็นต้องมีเพื่อการบริหารจัดการ และ ให้คะแนน, จะมีมูลค่ามหาศาล และ
จะมาพร้อมกับหลายสิ่งหลายอย่างที่สำคัญๆ.
คะแนนที่ดิ่งลงเหว จะถูกใช้เป็นข้ออ้างให้ปิดโรงเรียนรัฐมากขึ้น และ
เปิดโรงเรียนเอกชน ตราตั้ง และ ให้ใบเสร็จ มากขึ้น, โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ในชุมชนยากจนผิวสี. หาก, ดังเสนอ,
ระดับการแสดงชนิด “พร้อมเข้าลู่วิทยาลัยและอาชีพ” ของคอมมอนคอร์
ได้กลายเป็นมาตรฐานสำหรับการจบโรงเรียนมัธยมแล้ว, มันจะผลักเด็กจำนวนมากขึ้นให้หลุดออกจากโรงเรียน
แทนที่จะเตรียมพร้อมสู่วิทยาลัย.
This
is not just cynical speculation. It is a reasonable projection based on the
history of the NCLB decade, the dismantling of public education in the nation's
urban centers, and the appalling growth of the inequality and concentrated
poverty that remains the central problem in public education.
นี่ไม่ใช่เป็นเพียงการใคร่ครวญถากถาง. มันเป็นการคาดการณ์ที่สมเหตุสมผล
บนพื้นฐานของประวัติแห่งทศวรรษ NCLB,
การรื้อถอนโรงเรียนสาธารณะ/เทศบาล/รัฐ ในใจกลางเมืองต่างๆ ของประเทศ, และ
การขยายตัวที่น่าตกใจของความไม่เท่าเทียม และ การกระจุกตัวของความยากจน
ที่ยังคงเป็นปัญหาใจกลางในการศึกษาสาธารณะ.
Nor
are we exaggerating the potential for disaster. Consider this description from
Charlotte Danielson, a highly regarded mainstream authority on teacher
evaluation and a strong supporter of the Common Core:
แล้วก็ใช่ว่า
เรากำลังพูดเกินจริงถึงศักยภาพของหายนะ. โปรดพิจารณาคำบรรยายต่อไปนี้ จาก ชาร์ล็อตต์
แดเนียลสัน, ผู้มีอาณัติในกระแสหลักที่ได้รับความเคารพอย่างสูงด้านการประเมินการศึกษา
และ เป็นผู้สนับสนุน คอมมอนคอร์ อย่างเข้มแข็ง.
I
do worry somewhat about the assessments—I'm concerned that we may be headed for
a train wreck there. The test items I've seen that have been released so far
are extremely challenging. If I had to take a test that was entirely comprised
of items like that, I'm not sure that I would pass it—and I've got a bunch of
degrees. So I do worry that in some schools we'll have 80 percent or some large
number of students failing. That's what I mean by train wreck.
ฉันมีความกังวลกับการประเมินนี้—ฉันห่วงว่า
เราอาจจะวิ่งพุ่งไปสู่รถไฟอับปางที่นั้น.
ข้อสอบชิ้นล่าสุดที่ฉันได้เห็น ที่ถูกผลิตออกมาถึงบัดนี้ ล้วนยากมากๆ.
หากฉันต้องเข้าห้องสอบที่มีแต่ชิ้นข้อสอบเหล่านี้, ฉันไม่แน่ใจว่าฉันจะสอบผ่านไหม—และฉันก็ได้รับหลายปริญญาแล้วนะ. ดังนั้น ฉันมีความกังวลยิ่งว่า ในบางโรงเรียน
เราจะมีเด็กถึง 80% หรือ จำนวนมากที่สอบตก.
นั่นเป็นสิ่งที่ฉันหมายถึง รถไฟอับปาง.
Reports
from the first wave of Common Core testing are already confirming these fears.
This spring students, parents, and teachers in New York schools responded to administration
of new Common Core tests developed by Pearson Inc. with a general outcry
against their length, difficulty, and inappropriate content. Pearson included
corporate logos and promotional material in reading passages. Students reported
feeling overstressed and underprepared—meeting the tests with shock, anger,
tears, and anxiety. Administrators requested guidelines for handling tests
students had vomited on. Teachers and principals complained about the
disruptive nature of the testing process and many parents encouraged their
children to opt out.
รายงานจากคลื่นระลอกแรกของ
การสอบ คอมมอนคอร์ ได้ยืนยันความกลัวดังกล่าว.
ในฤดูใบไม้ผลิปีนี้ นักเรียน, ผู้ปกครอง, และ ครู ในโรงเรียนนิวยอร์ก ได้ตอบสนองต่อการบริหารจัดการข้อสอบชุดใหม่ของ
คอมมอนคอร์ ที่พัฒนาโดย บริษัท เพียร์สัน/ Pearson Inc.
ด้วยเสียงคัดค้านอย่างรุนแรง ต่อ ความยาว, ความยาก, และ สาระที่ไม่เหมาะสม. เพียร์สัน ได้ใส่เครื่องหมายของบรรษัท และ
วัตถุ/สินค้าของตน ในข้อความสำหรับอ่าน.
นักเรียนได้รายงานความรู้สึกเครียดเกินและเตรียมไม่พร้อมพอ—พอเห็นข้อสอบก็ถึงกับช็อค,
โมโห, น้ำตาร่วง, และ กังวล.
ผู้ดูแลการสอบต้องถามหาแนวทางจัดการกับข้อสอบที่นักเรียนได้อาเจียนใส่. ครูเล็กและครูใหญ่ พากันร้องทุกข์เกี่ยวกับความยุ่งเหยิงในกระบวนการสอบ
และ พ่อแม่ผู้ปกครองหลายราย ได้สนับสนุนให้เด็กๆ ถอนตัวจากการสอบ.
Common
Core has become part of the corporate reform project now stalking our schools.
Unless we dismantle and defeat this larger effort, Common Core implementation
will become another stage in the demise of public education. As schools
struggle with these new mandates, we should defend our students, our schools,
our communities, and ourselves by telling the truth about the Common Core. This
means pushing back against implementation timelines and plans that set schools
up to fail, resisting the stakes and priority attached to the tests, and
exposing the truth about the commercial and political interests shaping and
benefiting from this false panacea for the problems our schools face.
คอมมอนคอร์
ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของโครงการปฏิรูปบรรษัท ที่ตอนนี้กำลังสอดแนมติดตามโรงเรียนของพวกเรา.
ตราบที่เราไม่ได้รื้อถอนและเอาชนะความพยายามนี้ที่ใหญ่โตกว่า,
การดำเนินการของ คอมมอนคอร์
จะกลายเป็นการเร่งความตายของโรงเรียนสาธารณะ/รัฐ/เทศบาล (ตรงข้ามกับโรงเรียนเอกชน)
ขึ้นอีกขั้นหนึ่ง.
ในขณะที่บรรดาโรงเรียนต่อสู้กับคำบงการใหม่เหล่านี้, เราควรป้องกันนักเรียนของเรา,
โรงเรียนของเรา, ชุมชนของเรา, และตัวพวกเราเอง โดยพูดความจริงเกี่ยวกับ
คอมมอนคอร์. นี่หมายถึง
การผลักดันเส้นเวลาและแผนของการดำเนินการ ที่ล้อมกรอบให้โรงเรียนสอบตก
ให้ถอยห่างออกไป, ต่อต้านเดิมพัน/หมุดหลัก และ ลำดับความสำคัญที่พ่วงมากับการสอบ,
และ เปิดโปงความจริงเกี่ยวกับผลประโยชน์ทางพาณิชย์และการเมือง ที่เป็นตัวปั้นแต่ง
และ ได้รับประโยชน์จากยาครอบจักรวาลจอมปลอมสำหรับปัญหาที่โรงเรียนของเรากำลังเผชิญ.
Rethinking
Schools has always been skeptical of standards imposed from above. Too many standards
projects have been efforts to move decisions about teaching and learning away
from classrooms, educators, and school communities, only to put them in the
hands of distant bureaucracies. Standards have often codified sanitized
versions of history, politics, and culture that reinforce official myths while
leaving out the voices, concerns, and realities of our students and
communities. Whatever positive role standards might play in truly collaborative
conversations about what our schools should teach and children should learn has
been repeatedly undermined by bad process, suspect political agendas, and
commercial interests.
Rethinking Schools (คิดใหม่เรื่องโรงเรียน)
ได้สงสัยเสมอต่อมาตรฐานที่เบื้องบนยัดเยียดใส่พวกเรา. โครงการมาตรฐานมากเกินไป ได้กลายเป็นความพยายามที่จะแย่งการตัดสินใจเกี่ยวกับการเรียนการสอนไปจากห้องเรียน,
นักการศึกษา, และ ชุมชนโรงเรียน, แล้วรวบใส่มือระบบราชการที่อยู่ห่างไกล. มาตรฐาน มักถูกใส่รหัส เป็นฉบับฆ่าเชื้อโรคแล้วของประวัติศาสตร์,
การเมือง, และวัฒนธรรม ที่ตอกย้ำเรื่องโกหกทางการ ในขณะที่กีดกันเสียง,
ความห่วงใย, และ ความเป็นจริงในชีวิตของนักเรียนของเรา และ ชุมชนของเรา. ไม่ว่าบทบาทเชิงบวกใดก็ตามของมาตรฐานดังกล่าว
ที่อาจจะมีในการเจรจาปราศรัยกันอย่างจริงใจ เกี่ยวกับสิ่งที่โรงเรียนของเราควรสอน
และ เด็กๆ ควรเรียน ได้ถูกกัดกร่อนซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยกระบวนการชุ่ยๆ,
วาระทางการเมืองที่น่าสงสัย, และ ผลประโยชน์ทางพาณิชย์.
©
2013 ReThinking Schools
Rethinking
Schools began as a local effort to address problems such as basal readers,
standardized testing, and textbook-dominated curriculum. Since its founding, it
has grown into a nationally prominent publisher of educational materials, with
subscribers in all 50 states, all 10 Canadian provinces, and many other
countries.
Rethinking Schools
เริ่มต้นจากการเป็นความพยายามท้องถิ่นในการแก้ไขปัญหา เช่น หนังสืออ่านพื้นฐาน,
การสอบมาตรฐาน, และ หลักสูตรที่ครอบงำโดยตำราเรียน. ตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง,
ได้ขยายตัวเป็นสำนักพิมพ์ที่โดดเด่นระดับชาติเพื่อการศึกษา, และมีสมาชิกใน ๕๐
รัฐทั้งหมด, ๑๐ จังหวัดทั้งหมดในแคนาดา, และ ในอีกหลายประเทศ.
Published on
Wednesday, June 26, 2013 by ReThinking Schools
Tom
Carberry • a day ago
As
with most of our society's ills, this comes down to the oppression of the
patriarchy on the rest. The top down command style approach to life that
patriarchs employ in every aspect.
Look
at the "common core" programs they want kids to learn. Better math
and better reading. What about music, art, dance, nature, and all of the things
that make life worthwhile.
I
understand the need for math and reading, but without music, art, and dance,
life would mean little. And without a strong core in the humanities, kids come
out as deprived little robots.
My
nephew just graduated from an amazing high school, that had no structured
classes like you see in most schools, and where every child learned at their
own pace.
He
did fantastic in math and reading, but he truly excelled in art and photography
and just started a film apprenticeship in LA.
The
knowledge of how to create such great schools exists and many people know about
it, but they have to struggle against the vast drumbeat of corporate America to
make their ideas known.
DHFabian
> Tom Carberry • 9 hours ago
Legitimate
history classes are desperately needed. The right wing has been opposed to
public school history classes since I was in school (some 40 yrs ago). A generation
that doesn't learn about the mistakes of the past does, of course, repeat those
mistakes.
Siouxrose
> Tom Carberry • 18 hours ago
Endless
football stadiums & funded games while the arts are left to crash and burn.
natureschild3
• a day ago
wow!
truly disgusting! makes me wanna vomit, too. whenever i hear the current OOO,
[oval office occupant], speak to the goal of getting every student into
college, i wonder "is college attendance an end-game goal?" i
remember a time when high school grads found job opportunities in retail
stores, offices and factories which paid enough to begin living in a small
apartment--independent of mom and dad's house. well, at least this new
homogenized idea addresses college as "career" preparation. one question,
though, for the "we manage every aspect of your life for you" folks
in d.c.
just
where are these careers?
oh!
you mean those great, fast track to nowhere, clerical or factory jobs that once
served as apprenticeship opportunities for recent high school grads!
DHFabian
> natureschild3 • 9 hours ago
Actually,
with rare exception, a college education is necessary to obtain a
family-supporting job today. Without it, there is virtually no chance of
getting out of poverty, no matter how hard and long you work, and the US has
grown quite brutal to our poor. Since the 1980s, the bulk of jobs that formerly
paid family-supporting wages (factories, etc.) have been shipped to foreign
countries.
Deb
> DHFabian • 4 hours ago
The
guy who came to fix my air conditioning makes more than I did as a teacher.
Ditto the guy who fixed my plumbing. And the folks who keep my car running also
make at least as much as I did as a teacher with a Masters. My husband with a
Bachelors makes TWICE what I do as a teacher with a Masters, come to think of
it.....AND he only had one degree worth of loans to pay back.
College might *almost* guarantee
better-paying jobs, IF there were more jobs to be had. Meanwhile, there will
always be a need for the trades, for which college is not required. On the
bright side, manufacturing seems to be making a comeback to the US - too
slowly, though.
Katya3030
• 21 hours ago
I
wish Bill Gates would stop meddling in education and just pay his share of
taxes. Bill, please go back to micromanaging Microsoft.
capt
jim mcintyre • a day ago
"Common
Core has become part of the corporate reform project now stalking our schools.
Unless we dismantle and defeat this larger effort, Common Core implementation
will become another stage in the demise of public education." Rethinking
Schools Editorial
Enough
said! NOW WE NEED ACTION!
Form
a strong coalition between students, parents, and teachers and make our schools
more HUMAN and less controlled by the CORPORATIONS FOR PROFIT!
natureschild3
> capt jim mcintyre • a day ago
capt
jim, one of the best upbeat essays on c_d came from a high school history
teacher who gave his student a role playing task. each student selected one of
the guys who signed the declaration and began work on a new government for the
thirteen territories in order to argue from that founder's point of view. each
student studied the background to develop his portrayal. in this innovative
teaching manner history comes alive for the students inviting imagination and
creative thinking skills. so much better than disconnected rote memorizing of
names and dates. great teachers can inspire a love of learning, but
one-size-fits all corporate sponsored programs create dropouts.
p.s.
capt. ethan allen1, if you've got your ears on, i bet you would have grokked
onto this one, too. you were sailing the high seas at that time. but like this
one that article didn't rate as a {{{hot topic}}}
capt
jim mcintyre > natureschild3 • a day ago
What
can I say except that I enjoy your passion on this issue I know you are a
teacher, I have read some of your lessons right here at CD, T H A N K S !
Euarto
Gullible • 20 hours ago
"The mind is not a vessel to be
filled but a fire to be kindled." - Plutarch
Most
of what passes for education these days is leading horses to water and pushing
their heads down into it. Horses learn that is what the experience of drinking
water is, and many come to dislike drinking water because it is an act of force
upon them. After they come to hate this process or are simply conditioned to
wait for an external force to make them drink, they are then bribed with
carrots for drinking water. In this way most horses, aside from a few strong
willed individuals, are conditioned to leave the water alone unless directed to
drink.
It
is easy to manage such a weak and dehydrated herd.
Nixak.77
• a day ago
So
Bill Gates has left MS-Cyber-space & now has his hand in pushing Corp
{mis}Education Deform & Corp GMO crops. Yet Mr [not-so] Wiz-Kid Billy-Boy
is neither an educator, nor agriculturalist. Plus Billy-Boy is a college
drop-out.
anti_republocrat
• 9 hours ago
I
recently heard on MPR that The Center for Research on Education Outcomes
(CREDO) at Stanford University has released a report on charter schools in
Minnesota that wasn't flattering to charters as compared to traditional public
schools.
Supporters
of charter schools in Minnesota then complained that the study had relied too
heavily on standardized test scores.
Get
it? Reformers are using standardized test scores to show that traditional
public schools are failing, close those public schools and open charter schools
in their place. Then, those same reformers claim it's unfair to evaluate
charter schools on the basis of those same standardized tests.
Siouxrose
• 18 hours ago
This
is a terrific, powerful essay (or editorial). There are so many fine points
made, but here are my two favorites:
"By
any measure, NCLB was a dismal failure in both raising academic performance and
narrowing gaps in opportunity and outcomes. But by very publicly measuring the
test results against benchmarks no real schools have ever met, NCLB did succeed
in creating a narrative of failure that shaped a decade of attempts to “fix”
schools while blaming those who work in them. By the time the first decade of
NCLB was over, more than half the schools in the nation were on the lists of
“failing schools” and the rest were poised to follow."
The
above is a textbook example of how Disaster Capitalism takes aim at what
belongs to The Commons and is NOT broke... yet.
And:
"Rethinking
Schools has always been skeptical of standards imposed from above. Too many
standards projects have been efforts to move decisions about teaching and
learning away from classrooms, educators, and school communities, only to put
them in the hands of distant bureaucracies. Standards have often codified
sanitized versions of history, politics, and culture that reinforce official
myths while leaving out the voices, concerns, and realities of our students and
communities."
Leave
it to Gates, the man who sees the human mind & body as machine to push
vaccines, Monsanto's franken-faux-foods, AND standardized tests. What a guy...
see
more
Policy
Professor • a day ago
This
is a sound, clear article that helps debunk much of the misleading rhetoric of
corporate educational reform. I'm glad to see this circulating among
progressives--who should be leading the fight against corporate educational
reforms (instead of conservatives who have a legitimate beef over state/federal
control but miss how the CCSS leads schools away from democracy, the public
good, etc). I agree with the article, except on this sentence: "Written
mostly by academics and assessment experts—many with ties to testing
companies—the Common Core standards have never been fully implemented and tested
in real schools anywhere." The first half of the sentence is not true. The
self-identified writers of the CCSS were not academics with ties to testing
companies, but an investment consultant from the McKinsey group (Coleman, later
Student Achievement Partners--business tied to the testing industry), a lawyer
from the Bill and Melinda Gates Foundation (Pimenthal), and representative of
the General Electric Foundation (math). They were comissioned and written by
corporate foundations--not "academics" or "testing
expects"--with ties to the testing industry.
Elizabeth
Rubenstein • 21 hours ago
thanks
for this thorough overview- sharing with everyone who is out of the loop- we
need more voices to overpower the $$$$ backing this absurdity!
SatansHog
• 21 hours ago
The
public school system brought this on itself. Their insistence on giving high
school diplomas to kids that can't read or do arithmetic has lost the public's
trust.
FairTest
Nationalcenterforfair • 2 hours ago
For
documentation of the widespread concerns about Common Core assessments,
see:http://www.fairtest.org/common...
Ms.
White • 8 hours ago
As
a teacher, at some point I try to look at the silver lining in the
implementation of the CCSS. I teach in Arizona, where I can say firsthand that
the former standards were disjointed, clunky, and not vertically aligned
between grade levels. Regardless of the political context of the CCSS, there is
much, much improvement to be found in a nationally cohesive set of standards.
For example, when students move between states that teach concepts at different
grade levels, they are at risk of missing that instruction and skill-set
completely.
I,
like thousands of educators, have read and studied the standards, the multiple
appendices, and an abundance of supplemental materials. And I still have a lot
to learn. However, I can say that the standards are completely vertically
aligned, which means that now instruction builds on itself in a consistent and
logical manner between each grade level. I can also say that the standards are
written in a cohesive and rich language that simultaneously allows for wider
breadth of teacher interpretation and resource selection. Furthermore, the CCSS
absolutely are designed to better prepare our students for college and careers
with their focus on speaking, listening, engagement in rich discussion, polite
disagreement, and finding (and properly citing!) evidence to support each point
made in any oral or written presentation (including in mathematics). There is
no more choosing "C," no more relying on drone, multiple-choice
tests.
Teachers
get it. Our education system is failing an unspeakable numbers of our youth in
this country. We are at the front lines of this fight every day. But we also
need support. We need for our communities to believe in us: to believe that we
can realize that the system is broken, that the standards are not perfect, that
we are not living and breathing within an idealized educational landscape, but
yet that we can work twice as hard to continue to find and deliver beautiful,
stirring and inspiring content for our kids. Because our love for them is what
drives us. NCLB did not take that away; it just made the fight more bristling.
The CCSS are an opportunity to put our trust in teachers and to realize that
something good is possible.
see
more
DHFabian
• 9 hours ago
I
knew how hopelessly politically controlled US education has become when my
daughter (now a college grad) said that there had been nothing about the
Pentagon Papers in any of her history classes.
devolives
• 12 hours ago
Brainwashing
for "their agendas" Programmed people doing their will.
George
Buzzetti • 14 hours ago −
LAUSD
has just made a decision to illegally buy I-Pads with school construction bond
money. You are not supposed to buy equipment that will not last 10 years with
school construction bond money. they are going to pay $680 ea. which is really
when you work it all out $1,000 each. Who is going to pay for this? Anyone talk
about or put up the money for the computers needed and demanded? How are broke
school districts going to pay for that when they cannot pay for teachers or
programs now? Programs and devices cost money, especially in the corporate
world. Think about $1,000 X 600,000 = $600,000,000 and that is just to start. How
long do you think they will last? 10 years? Really? Maybe 2-3. They are
guaranteed for three years. Where does this repeated expenditure of money come
from now? Follow the money. It is always true.
And
then it has never been tested. Why would anyone do something like that? Makes
you wonder.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น