253. World War Seeds Parallels
World War Z (NSA)
Via Campesina and the Fight for Seeds
by Salena Tramel
เวีย คัมเปซินา และ
การต่อสู้เพื่อเมล็ดพันธุ์
-ซาลีนา ทราเมล
ดรุณี
ตันติวิรมานนท์ แปล
The U.S. Court of Appeals ruled in favor of Monsanto and its
patented seeds last Monday by throwing out a case tirelessly petitioned for by
organic farmers. That decision dealt yet another blow to the small-scale
agricultural community—it was only last month that the U.S. Supreme Court
unanimously affirmed the agricultural giant’s “license agreement” yet again.
ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ พิพากษาเข้าข้าง
มอนซานโต และเมล็ดพันธุ์ลิขสิทธิ์ของมันเมื่อวันจันทร์ก่อน (๑๐ มิย.) โดยโยนทิ้งกรณีที่ได้ร้องทุกข์อย่างไม่รู้จักเหนื่อย
โดยเกษตรกรอินทรีย์. คำตัดสินนี้
เป็นพายุอีกลูกถล่มชุมชนเกษตรขนาดเล็ก—เพียงแค่เดือนก่อนที่ศาลสูงสุดสหรัฐฯ
ได้พร้อมใจกันรับรอง “ใบอนุญาตข้อตกลง” ของยักษ์เกษตร.
(Photo: Tineke
D'haese for Via Campesina)
But Via Campesina, the global agrarian movement made up of
more than 200 million peasants in 80 countries, is not ceding to big
agriculture. This week, Via Campesina held its VI International Organizing Conference
in Jakarta, Indonesia, reaffirming its fundamental commitment to seed
sovereignty.
แต่ เวีย
คัมเปซินา, ขบวนการเคลื่อนไหวเกษตรทั่วโลก ซึ่งมี ชาวไร่ชาวนาชาวประมง กว่า 200
ล้านคน ใน 80 ประเทศ, ไม่ได้ยอมแพ้ต่อเกษตรกรรมขนาดใหญ่. สัปดาห์นี้, เวีย คัมเปซินา
ได้จัดการประชุมระหว่างประเทศ ครั้งที่ 6 ในกรุงจาร์กาตา,
อินโดนีเซีย, เพื่อยืนยันพันธสัญญาขั้นรากฐาน ต่อ อธิปไตยเมล็ดพันธุ์.
With the Green Revolution came a promise to end hunger
through so-called miracle seeds. Instead, it ushered in seed property rights,
domination and even criminalization of small-scale farmers, and waves of
transnational corporate control of agriculture. Under “Monsanto Laws,” more
specifically known as UPOV 91, patents prohibit farm-saved seeds and peasant
seeds for which multinational corporations have filed patents. UPOV 91 works
hand-in-glove with the Plant Variety Protection Act that asserted heritage
seeds counterfeit to standardized industrial varieties.
มาพร้อมกับปฏิวัติเขียว
คือ สัญญายุติความหิวโหยผ่านสิ่งที่เรียกว่า เมล็ดมหัศจรรย์. แทนที่จะเป็นเช่นนั้น,
มันกลับนำไปสู่ลิขสิทธิ์เมล็ดพันธุ์, การครอบงำ และ แม้แต่ตั้งข้อหาอาชญากรรมให้เกษตรกรรายย่อม,
และ ระลอกคลื่นของบรรษัทข้ามชาติในการควบคุมภาคเกษตรกรรม. ภายใต้ “กฎหมายมอนซานโต”,
ที่รู้จักกันในชื่อเฉพาะว่า UPOV 91, ลิขสิทธิ์ ห้ามการเก็บรักษาเมล็ดในฟาร์ม
และ เมล็ดของชาวไร่ชาวนาเอง ที่บรรษัทข้ามชาติได้จดลิขสิทธิ์ไว้. UPOV 91 ทำงานเคียงคู่กับ
กฎหมายคุ้มครองพันธุ์พืช ที่อ้างสิทธิ์การปลอมแปลงเมล็ดพันธุ์มรดก
เพื่อสร้างมาตรฐานในพันธุ์อุตสาหกรรม.
These policies, adopted by one country after another,
routinely displace peasants in the Global South and wreak havoc on the
environment. In the Global North, native seeds have nearly reached extinction
while hybrid (and often chemical GMO) varieties take their place.
นโยบายเหล่านี้,
ซึ่งได้รับการยอมรับประเทศแล้วประเทศเล่า, ได้เบียดขับชาวไร่ชาวนาในซีกโลกใต้เป็นปกติ
และ สร้างความอลหม่านในสิ่งแวดล้อม.
ในซีกโลกเหนือ, เมล็ดถิ่นพื้นเมือง เกือบสูญพันธุ์หมดแล้ว ในขณะที่
พันธุ์ผสม (และมักจะเป็นพวก จีเอ็มโอ เคมี) ได้เข้าแทนที่.
“After 30 to 40 years of the Green Revolution, we’ve lost
our seeds,” said Guy Kastler, a small-scale farmer from France. Kastler
explained that he and other agricultural activists from Europe traveled to
Latin America, Asia, and Africa to find and learn about peasant seeds. Those
learning exchanges led Via Campesina to launch its Seed Campaign in 2001,
through which it advocates the recovery, protection, and preservation of
peasant seeds in each of its geographic regions—with a specific focus on those
hardest hit by corporate seed policy.
“หลังจากปฏิวัติเขียว
30-40 ปี, เราได้สูญเสียเมล็ดพันธุ์ของเรา”,
กาย คาสต์เลอร์, เกษตรกรรายย่อย จากฝรั่งเศส, กล่าว. คาสต์เลอร์ อธิบายว่า
เขาและนักกิจกรรมเกษตรอื่นๆ จากยุโรป ได้เดินทางไป ลาตินอเมริกา, เอเชีย,
และอัฟริกา เพื่อค้นหา และ เรียนรู้เกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์ชาวไร่ชาวนา. การแลกเปลี่ยนเรียนรู้เหล่านั้น ที่นำโดย เวีย
คัมเปซินา เริ่มการรณรงค์เมล็ดพันธุ์ในปี ๒๕๕๔,
อันเป็นช่องทางในการสนับสนุนให้ฟื้นคืน, ปกป้อง, และ
รักษาเมล็ดของชาวไร่ชาวนาในแต่ละภาคส่วนทางภูมิศาสตร์—ด้วยการมุ่งเน้นพิเศษไปส่วนที่ถูกคุกคามหนักที่สุดโดยนโยบายเมล็ดพันธุ์ของบรรษัท.
Chile—a laboratory for neoliberalism—has churned out some of
the worst agricultural policies in Latin America. Francisca “Pancha” Rodriguez
defied Pinochet’s unmerciful military regime, literally carrying indigenous
seeds in the folds of her skirts across international borders where they could
be safely stored while her husband fought on the revolutionary frontlines.
Today Pancha plays an integral role in Via Campesina’s Seed Campaign through
the National Association of Indigenous and Rural Women (ANAMURI). She has
trained countless women at home and across the world. “Locally, we understood
what would happen if people lost their seeds,” Pancha offered, “But this is not
only our battle. It is a universal struggle that we are turning into a rural
revolution.”
ชิลี—ห้องทดลองสำหรับลัทธิเสรีนิยมใหม่—ได้ผันบางนโยบายเกษตรที่แย่ที่สุดในลาตินอเมริกา. ฟรานซิสกา “ปันชา” โรดริกัส
ได้ขัดขืนระบอบทหารที่ไร้ความปราณีของ ปิโนเช่,
ขนเมล็ดท้องถิ่นดั้งเดิมโดยซ่อนในจีบกระโปรงของเธอ เดินทางข้ามพรมแดนระหว่างประเทศ
เพื่อนำไปเก็บในที่ๆ ปลอดภัย ในขณะที่สามีของเธอต่อสู้ในแนวหน้าการปฏิวัติ. วันนี้ ปันชา เล่นบทสำคัญใน
การรณรงค์เมล็ดพันธุ์ของเวีย คัมเปซินา ผ่าน สมาคมสตรีถิ่นพื้นเมืองและชนบทแห่งชาติ
(ANAMURI). เธอได้ฝึกอบรมผู้หญิงนับไม่ถ้วน
ที่บ้าน และทั่วโลก. “ในท้องที่,
เราเข้าใจถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น หากประชาชนสูญเมล็ดของพวกเขา”, ปันชา เสนอ, “แต่นี่ไม่ใช่เป็นเพียงสงครามของพวกเรา. มันเป็นการดิ้นรนต่อสู้สากล
ที่เรากำลังจะเปลี่ยนให้มันเป็นปฏิวัติชนบท”.
Chukki Nanjundaswamy, a farmer who is part of Karnataka
State Farmers Association (KRRS), explained that when Green Revolution
technology hit India in the ‘60s peasants lost seeds because they were told to
use modified high-yield varieties. “At first the companies offered free
packets, but then they started charging,” she said. “High-yield seeds don’t
grow in the rain-fed regions where sixty percent of Indian farmers work.”
Through KRRS and Via Campesina, Nanjundaswamy breeds natural seeds on her own
farm, sets up community seed banks with local activists, and advocates
Agroecology through zero-budget natural farming.
จุกกิ
นันชุนทะสวามี, เกษตรกรที่เป็นส่วนหนึ่งของ สมาคมเกษตรกรรัฐการ์นาตกะ (KRRS),
อธิบายว่า เมื่อเทคโนโลยีปฏิวัติเขียวตกฟากในอินเดียในทศวรรษ ๒๕๐๐
ชาวไร่ชาวนาสูญเมล็ดพันธุ์
เพราะพวกเขาถูกบอกให้ใช้สายพันธุ์ดัดแปลงที่ให้ผลผลิตสูง. “ในตอนแรก บริษัทเสนอให้ฟรี,
แต่แล้วพวกเขาก็เริ่มเก็บเงิน”, เธอกล่าว.
“เมล็ดให้ผลผลิตสูง ไม่งอกงามในภูมิภาคที่ต้องพึ่งฝน ซึ่งเป็นที่ๆ
เกษตรกรอินเดีย 60% ทำงานอยู่”.
ด้วยช่องทาง KRRS และ เวีย คัมเปซินา, นันชุนทะสวามี
ได้ผสมพันธุ์เมล็ดธรรมชาติในฟาร์มของเธอเอง,
จัดตั้งธนาคารเมล็ดชุมชนกับนักกิจกรรมท้องถิ่น, และ สนับสนุน เกษตรนิเวศ
ผ่านการทำเกษตรธรรมชาติโดยไม่ต้องมีงบ.
“Seeds are life,” Nelson Mudzingwa, a farmer from Zimbabwe,
passionately explained. “Without seeds there is no food, and without food there
is no life.” Nelson’s local grassroots movement, Zimbabwe Small Organic Farmers
Forum (ZIMSOFF), was only ratified as a Via Campesina member organization this
week—but its advocacy around seeds has been more than a decade in the making.
In fact, Nelson himself has been saving heirloom seeds ever since he can
remember, and said that it is at the heart of agricultural tradition passed
down from his forefathers. “On my farm, not even a single grain grows from
outside my fence,” he proudly added.
“เมล็ด คือ ชีวิต”
เนลสัน มุดซิงวา, เกษตรกรจากซิมบาบวย, อธิบายอย่างถึงใจ. “ปราศจากเมล็ด ไม่มีอาหาร, และ ปราศจากอาหาร
ไม่มีชีวิต”. การเคลื่อนไหวรากหญ้าท้องถานของเนลสัน,
เวทีเกษตรกรอินทรีย์รายย่อย ซิมบาบวย (ZIMSOFF),
ได้เพิ่งได้รับอนุมัติให้เข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์กรของ เวีย คัมเปซินา ในสัปดาห์นี้—แต่การรณรงค์สนับสนุนเรื่องเมล็ด
ได้ดำเนินมากว่าหนึ่งทศวรรษแล้ว. อันที่จริง,
ตัวเนลสันเอง ได้เก็บรักษาเมล็ดมรดกมาตั้งแต่เขาจำความได้, และ บอกว่า
มันเป็นหัวใจของประเพณีการเกษตร ที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษของเขา. “ในฟาร์มของผม, ไม่มีธัญพืชแม้แต่เมล็ดเดียว
ที่โตจากนอกรั้วของผม”, เขาเสริมด้วยความภาคภูมิใจ.
One of the main events at Via Campesina’s gathering this
week was an outdoor Agroecology fair where farmers exchanged experience and
practices. That learning opportunity closed with a ceremony in which farmers
exchanged their indigenous seeds from five continents. Peasant activists
throughout the movement, working on complex interrelated issues—from land grabs
to climate change to migration—agree that it all starts with control of their
seeds.
หนึ่งในกิจกรรมหลักในการรวมตัวกันที่
เวีย คัมเปซินา ในสัปดาห์นี้ เป็นมหกรรมเกษตรนิเวศกลางแจ้ง ที่ๆ
เกษตรกรแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และ ภาคปฏิบัติ.
โอกาสการเรียนรู้นั้น
ได้ปิดลงด้วยพิธีกรรม ที่เกษตรกรได้แลกเปลี่ยนเมล็ดถิ่นพื้นเมืองของพวกเขา
จากห้าทวีป.
นักกิจกรรมชาวไร่ชาวนาตลอดทั่วการเคลื่อนไหว, ทำงานในประเด็นที่ซับซ้อนและเกี่ยวเนื่องกัน—ตั้งแต่
การฉกที่ดิน ถึง ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง ถึงการย้ายถิ่น—เห็นพ้องต้องกันว่า ทั้งหมดเริ่มต้นที่การควบคุมเมล็ดพันธุ์ของพวกเขาเอง.
Salena Tramel is a journalist and
international policy and development consultant.
ซาลีนา ทราเมล
เป็นนักข่าว และ ที่ปรึกษานโยบายและการพัฒนาระหว่างประเทศ
Published on Saturday, June 15, 2013 by Common Dreams
Siouxrose • 7 days ago
God-dess bless the Vila Campensina's movement!
erisx • 7 days ago
Okay I gotta ask... knowing what we know, and farmers
knowing better than the rest of us, why would anyone choose to use GM seeds or
anything at all, for that matter, from Monsanto?
Siouxrose > erisx • 7 days ago
The Trade Organizations FORCE These seeds and practices on
farmers. It's got little to do with choice.
WWallace Mud > Siouxrose • 7 days ago
And the banks that farmers apply to for loans to purchase
equipment demand that as a condition of granting a loan the farmers follow
'best practices' which always include GMO seed stock, chemical fertilizers and
pesticides.
jalexmead • 10 hours ago
Coercion is the key of why the ownership of food genetics
along with the things people most care about will keep consolidating. Reducing
the ability of government to use physical coercion will increase the chance of
people getting heard. Food genetics should be a Common Heritage owned by
everyone!
lino • 7 days ago
for those interested in the seed business, there's this: http://planet.infowars.com/unc...
however, with little info
available on livingston, questions remain. their business practice, along with
ferry morse, of dumping seeds on retailers is a bit questionable.
think seed savers exchange, or
baker creek. then join the fight.
rustacus21 > lino • 10 hours ago
... as an option, this is highly recommended. There is a problem,
which is the cross-pollenation factor, increasingly being linked to (bee)
colony collapse, where GMO pollen 'infects' natural plant varieties & then
is carried back to the hive. Intensive intervention, in both eliminating the
need to even use GMO products & dealing w/the energy quandary we're trapped
in, forcing us to continue using fossil fuels in spite of the evidence of the
menace of both, we're running out of time & resources & fast reaching
another tipping point - namely, will we act out of choice or urgent necessity?
Theodora Crawford • 9 hours ago
Educate yourself about ethnic, ancient farming practices and
then do whatever you can to support the world's farmers: contribute to seed
banks, support farmers markets, become a political activist fighting for poor
farmers globally. Their ancient wisdom may save us all.
rustacus21 • 10 hours ago
Considering that GMO seeds are in response to the
'anticipated' conditions we're likely to face once Climate Change & the
CURRENT 'Extinction' event we're witnessing, really accelerate, killing off all
other planetary life forms, who will be in the position to buy what is likely,
the only vegetation left, on a planet that is (at that point) far too crippled
to sustain any other varieties? W/no alternate energy sources to replace fossil
fuels, what will the remaining humans do about energy needs? Staying cool will
be the most urgent among them. Burrowing underground will be an endeavor the
rich only can afford, since the vast 'unrich' population will be unable to
collectively afford & orchestrate such a massive endeavor necessary to
impacting the billions of humans (potentially) still alive (at that point).
What will humanity do in collective response? Being denied a proper Civics
Education, compliments of President Richard Nixon's 1970 decree to end it,
& now, ignorant - & possibly past the point of no return, the
resignation & handwringing - that has now replaced preemptive problem-solving
- a 'critical thinking' function that was a comprehensive component of the
Public Education system we readily neglect, but more & more, see as an
indispensible element of Enlightenment of our human species, who will we turn
to in such a crisis? Our God-given intellect having also been compromised for
the all-mighty dollar, our options will be fewer than now. Just some 'seeds'
for thought in this current age of extinctions - that's expanding as of this
reading...
jalexmead • 10 hours ago −
Big Brothers will really have us once they control & own
genetics of food.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น