วันเสาร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2555


94.  สารก่อมะเร็งรอบตัว ... สภาผู้แทนฯ จะปิดหรือเปิดตาราษฎร?

Leading Scientists to Congress:
Do Not Block Government List of Cancer-Causing Chemicals
They Say Public Needs Unbiased Assessment; Human Health is at Stake
นักวิทยาศาสตร์แนวหน้าต่อสภาคองเกรส:
อย่ากีดกันรายชื่อของภาครัฐว่าด้วยสารเคมีที่ก่อมะเร็ง
พวกเขาบอกว่า สาธารณชนต้องการรู้ผลการประเมินที่ไม่ลำเอียง; สุขภาพมนุษย์เป็นเดิมพัน
Elizabeth Heyd, NRDC, 202-289-2424, eheyd@nrdc.org
เอลิซาเบธ เฮย์ด
(ดรุณี ตันติวิรมานนท์ แปล)

WASHINGTON - September 5 - More than 70 leading scientists are calling on Congress to reject an attempt to block a biennial government assessment of the cancer risks posed by industrial chemicals and other agents. A letter sent Tuesday by the scientists to key senators and representatives urged lawmakers to resist efforts by the chemical industry and its allies in Congress to “delay and ultimately destroy” the federal government’s efforts to “provide the public with unbiased, authoritative scientific assessments” of such hazardous industrial chemicals as formaldehyde and styrene.
วอชิงตัน-นักวิทยาศาสตร์แนวหน้ากว่า 70 คน กำลังเรียกร้องให้สภาคองเกรสปฏิเสธความพยายามที่จะกีดกันรายงานการประเมินของรัฐบาลทุกสองปี ว่าด้วยความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งจากสารเคมีอุตสาหกรรม และสารอื่นๆ.   จดหมายได้ถูกส่งออกไปในวันอังคารโดยนักวิทยาศาสตร์ ถึงสมาชิกวุฒิสภาและ สส หลักๆ ขอรองให้เหล่านิติบัญญัติ ให้คัดค้านความพยายามของอุตสาหกรรมเคมีและพวกพ้องในคองเกรส ที่ต้องการ “ชะลอและในที่สุดทำลาย” ความพยายามของรัฐบาลสหพันธรัฐ ในการ “นำสู่สาธารณชน ผลการประเมินเชิงวิทยาศาสตร์ที่ไม่ลำเอียง, เชื่อถือได้” ในสารเคมีอุตสาหกรรมที่อันตราย เช่น ฟอร์มัลดีไฮด์ และ สไตรีน.

“Honest, hard-working Americans and their families rely on Congress to protect their right to know about health risks from toxic chemicals in their homes, workplaces, schools, and consumer products,” the environmental health scientists wrote.
“ชาวอเมริกันและครอบครัวที่ซื่อสัตย์, ขยันทำงาน พึ่งคองเกรสให้ช่วยป้องกันสิทธิของพวกเขาในการที่จะรู้เกี่ยวกับความเสี่ยงต่อสุขภาพ จากสารเคมีที่เป็นพิษ ในบ้าน, ที่ทำงาน, โรงเรียน ของพวกเขา รวมทั้งผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค,”  นักวิทยาศาสตร์สุขภาพสิ่งแวดล้อมเขียน.

Their letter expressed strong opposition to a proposal to defund the annual Report on Carcinogens that was approved on July 18, 2012 by the House Appropriations subcommittee on Labor, Health and Human Services, Education, and Related Agencies. The Report on Carcinogens is compiled biennially by the National Toxicology Program in the Department of Health and Human Services.
จดหมายของพวกเขาแสดงถึงการต่อต้านข้อเสนอที่จะงดการให้ทุนรายงานประจำปีเรื่องสารก่อมะเร็ง ที่ได้ผ่านการอนุมัติของคณะกรรมาธิการแรงงาน, สุขภาพ และการบริการมนุษย์, การศึกษา, และหน่วยงานเกี่ยวข้อง เมื่อ วันที่ 18 กรกฎาคม  2012.  รายงานสารก่อมะเร็งถูกรวบรวมทุกๆ สองปี โดยโครงการพิษวิทยาแห่งชาติ ในกระทรวงสุขภาพและการบริการมนุษย์.

“It would be harmful to public health to suspend the Report on Carcinogens,” said Dr. Henry Anderson of the University of Wisconsin School of Medicine and Public Health. “Health professionals and the public rely on the Report for an up-to-date, clear, and objective assessment of the current science regarding potential cancer-causing substances.”
มันจะเป็นการทำร้ายสาธารณสุข หากรายงานสารก่อมะเร็งถูกระงับ” ดร.เฮนรี แอนเดอร์สัน แห่งมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน, คณะแพทยศาสตร์และสาธารณสุข กล่าว.  “นักการอาชีพด้านสุขภาพและสาธารณะ พึ่งอาศัยรายงานนี้ เพื่อเข้าถึงการประเมินที่ทันสมัย, ชัดเจน และตั้งอยู่บนพื้นฐานของความจริง ของวิทยาการปัจจุบันว่าด้วยสารที่อาจก่อเกิดมะเร็งได้.”

“The chemical industry is unhappy when a substance like formaldehyde or styrene is listed in the Report on Carcinogens, and their response has been to blame the messenger,” said Dr. Adam Finkel, Professor of Environmental and Occupational Health at the University of Medicine and Dentistry of New Jersey (UMDNJ). “But a lengthy and inclusive process has led to these evidenced-based determinations. We are calling on Congress not to play along and to instead defend the Report on Carcinogens from special interest attacks.”
“อุตสาหกรรมเคมีไม่พอใจเมื่อสารเช่น ฟอร์มัลดีไฮด์ หรือ สไตรีน ถูกระบุในรายงานว่าเป็นสารก่อมะเร็ง, และการโต้ตอบของพวกเขา คือ กล่าวโทษผู้ถือสาร,”  ดร.อดัม ฟินเกล, ศาสตราจารย์ สิ่งแวดล้อมและอาชีวนามัย ณ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์และทันตศาสตร์ ที่นิวเจอร์ซี.  “แต่กระบวนการที่ยาวนานและครอบคลุมกว้าง ได้นำไปสู่การตัดสินที่ตั้งอยู่บนหลักฐานเหล่านี้.  พวกเราขอเรียกร้องให้คองเกรส ไม่คล้อยตาม แต่กลับมาพิทักษ์รายงานว่าด้วยสารก่อมะเร็งให้พ้นจากการโจมตีของกลุ่มผลประโยชน์”.

Here is a link to the letter: http://docs.nrdc.org/health/hea_12090401.asp

For more information about this issue, see Jen Sass’s blog post:  http://switchboard.nrdc.org/blogs/jsass/

and Environmental Defense Fund’s Sarah Vogel blog, with link to Jen Sass’s blog: http://blogs.edf.org/nanotechnology/2012/09/05/hands-off-the-report-on-carcinogens/#more-2375

For additional comments about the scientists’ letter and the Report on Carcinogens, contact:

Adam M. Finkel, Sc.D, CIH
 Professor of Environmental and Occupational Health, UMDNJ School of Public Health
 and Executive Director, Penn Program on Regulation, University of Pennsylvania Law School
afinkel@law.upenn.edu
 202-406-0042

Henry A. Anderson, MD Chief Medical Officer, Wisconsin Division of Public Health
Henry.Anderson@WI.gov
 608-266-1253

###
 The Natural Resources Defense Council is a national, nonprofit organization of scientists, lawyers and environmental specialists dedicated to protecting public health and the environment. Founded in 1970, NRDC has 1.2 million members and online activists, served from offices in New York, Washington, Chicago, Los Angeles, San Francisco and Beijing.
สภาป้องกันทรัพยากรธรรมชาติ เป็นองค์กรระดับชาติ ที่ไม่ค้ากำไร ของนักวิทยาศาสตร์, นักกฎหมาย และผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม ที่อุทิศตัวเพื่อปกป้องสุขภาวะของสาธารณะ และสิ่งแวดล้อม.   ก่อตั้งในปี 1970, สภาฯ นี้ มีสมาชิก 1.2 ล้านคน และนักกิจกรรมออนไลน์, ที่ให้บริการจากสำนักงานในนิวยอร์ก, วอชิงตัน, ชิคาโก, ลอสแองเจิลลิส, ซานฟรานซิสโก และปักกิ่ง.
FOR IMMEDIATE RELEASE   September 5, 2012,  1:41 PM               
CONTACT: Natural Resources Defense Council (NRDC)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น