Thich Nhat Hanh: Connect With and Love
Mother Earth to Heal the Planet
"We need a real awakening"
- Common Dreams staff
|
ติช นัท ฮันห์: เชื่อมต่อและรักพระแม่ธรณี
เพื่อเยียวยาโลก
“เราต้องการการตื่นรู้ที่แท้จริง”
-ทีมคอมมอนดรีมส์
|
Thich Nhat Hanh, Buddhist monk, peace activist and scholar,
says that we must see the connection between the Earth and ourselves, and
that we must fall back in love with Earth in order to heal the planet.
Guardian
editor Jo Confino interviewed the 86-year-old at his Plum Village
retreat center. Confino writes:
Thay, as [Thich Nhat Hanh] is known to his many thousands
of followers, sees the lack of meaning and connection in peoples' lives as
being the cause of our addiction to consumerism and that it is vital we
recognise and respond to the stress we are putting on Earth if civilisation
is to survive.
Thay believes that seeing the environment as separate from
ourselves is the problem; change can only come when we move beyond that
dualistic way of thinking:
"You carry Mother Earth within you," says Thay.
"She is not outside of you. Mother Earth is not just your environment.
"In that insight of inter-being, it is possible to
have real communication with the Earth, which is the highest form of prayer.
In that kind of relationship you have enough love, strength and awakening in
order to change your life.
"Fear, separation, hate and anger come from the wrong
view that you and the earth are two separate entities, the Earth is only the
environment. You are in the centre and you want to do something for the Earth
in order for you to survive. That is a dualistic way of seeing.
"So to breathe in and be aware of your body and look
deeply into it and realise you are the Earth and your consciousness is also
the consciousness of the earth. Not to cut the tree not to pollute the water,
that is not enough."
Thay says this disconnect is also making us sick:
"Many people suffer deeply and they do not know they
suffer," he says. "They try to cover up the suffering by being
busy. Many people get sick today because they get alienated from Mother
Earth.
"The practice of mindfulness helps us to touch Mother
Earth inside of the body and this practice can help heal people. So the
healing of the people should go together with the healing of the Earth and
this is the insight and it is possible for anyone to practice.
"This kind of enlightenment is very crucial to a
collective awakening. In Buddhism we talk of meditation as an act of
awakening, to be awake to the fact that the earth is in danger and living
species are in danger."
Putting a pricetag on nature isn't enough either; rather,
love is at the heart of change:
"We need a real awakening, enlightenment, to change
our way of thinking and seeing things."
Rather than placing a price tag of our forests and coral
reefs, Thay says change will happen on a fundamental level only if we fall
back in love with the planet: "The Earth cannot be described either by
the notion of matter or mind, which are just ideas, two faces of the same
reality. That pine tree is not just matter as it possesses a sense of
knowing. A dust particle is not just matter since each of its atoms has
intelligence and is a living reality.
"When we recognise the virtues, the talent, the beauty
of Mother Earth, something is born in us, some kind of connection, love is
born.
"We want to be connected. That is the meaning of love,
to be at one. When you love someone you want to say I need you, I take refuge
in you. You do anything for the benefit of the Earth and the Earth will do
anything for your wellbeing."
|
ติช นัท ฮันห์ พระสงฆ์ในพุทธศาสนา
นักกิจกรรมเพื่อสันติ และ นักคิด กล่าวว่า
เราจะต้องมองเห็นความเชื่อมโยงระหว่างโลกและตัวพวกเราเอง และบอกว่า
เราจะต้องย้อนกลับไปตกหลุมรักกับโลกอีก เพื่อเยียวยาพิภพ
บรรณาธิการ การ์เดียน โจ คอนฟิโน ได้สัมภาษณ์
หลวงปู่อายุ 86 ที่ศูนย์ปลีกวิเวก หมู่บ้านพลัม คอนฟิโนเขียนว่า
“เราจำเป็นต้องมีการตื่นรู้ที่แท้จริง การรู้แจ้ง
เพื่อเปลี่ยนวิธีคิด และวิธีเห็นสิ่งต่างๆ ของพวกเรา”
ทาย/หลวงปู่ ดังที่สานุศิษย์หลายพันคนเรียกขาน ติช นัท
ฮันห์ เห็นว่า การขาดความหมายและความเชื่อมโยงในชีวิตของประชาชน เป็นสาเหตุของการเสพติดบริโภคนิยมของพวกเรา
และว่า เป็นสิ่งสำคัญยิ่งที่เราจะตระหนักและตอบสนอง ต่อแรงบีบคั้น
ที่เรากำลังกดดันโลก หากอารยธรรมของเรายังต้องการอยู่รอด
ทายเชื่อว่า
การมองสิ่งแวดล้อมว่าเป็นสิ่งที่แยกห่างจากตัวเรา คือ ตัวปัญหา การเปลี่ยนแปลงจะอุบัติขึ้นได้
ก็ต่อเมื่อเราเคลื่อนไปโพ้นวิธีคิดแบบแยกขั้ว
“คุณประคองพระแม่ธรณีในตัวของคุณ” ทายกล่าว
“ท่านไม่ได้อยู่นอกกายของคุณ
พระแม่ธรณีไม่ใช่แค่สิ่งแวดล้อมของคุณ”
“ในความเข้าใจถึงการคงชีวิตอยู่ที่เกี่ยวเนื่องกันนั้น
มันเป็นไปได้ที่จะสื่อสารอย่างแท้จริงกับโลก ซึ่งเป็นรูปแบบขั้นสูงสุดในการสวดมนตร์ภาวนา ในความสัมพันธ์เช่นนั้น คุณมีความรัก
ความเข้มแข็ง และความตื่นรู้เพียงพอที่จะเปลี่ยนชีวิตของคุณ”
“ความกลัว การห่างร้าง ความเกลียด และความโกรธ
มาจากมุมมองที่ผิดที่ว่า คุณและโลก เป็นสองส่วนแยกจากกัน โลกเป็นเพียงสิ่งแวดล้อม คุณอยู่ที่ศูนย์กลาง
และคุณต้องการทำบางอย่างเพื่อโลก เพื่อคุณจะได้อยู่รอด นั่นเป็นการมองแบบแยกขั้ว”
“ดังนั้น การหายใจเข้า และรู้ตัวทั่วร่างกาย
และมองลึกๆ เข้าไปในกาย และตระหนักว่า คุณคือโลก และจิตสำนึกของคุณ
ก็คือจิตสำนึกของโลกด้วย
การไม่โค่นต้นไม้ ไม่สร้างมลภาวะแก่น้ำ ล้วนไม่พอ”
ทายกล่าวว่า การห่างร้างแยกขาด ก็ทำให้เราป่วยเช่นกัน
“ผู้คนจำนวนมากเป็นทุกข์อย่างหนัก และพวกเขาก็ไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นทุกข์”
เขากล่าว
“พวกขาพยายามปกปิดความทุกข์ด้วยการทำตัวให้ยุ่ง ไม่มีเวลา คนจำนวนมากป่วยทุกวันนี้
เพราะพวกเขาแปลกแยกจากพระแม่ธรณี”
“การเจริญสติ
ช่วยให้เราสัมผัสสื่อสารกับพระแม่ธรณีที่สถิตอยู่ภายในร่างกาย และการปฏิบัตินี้
สามารถช่วยเยียวยาผู้คนได้ ดังนั้น
การเยียวยาผู้คน ควรจะดำเนินไปพร้อมกันกับการเยียวยาโลก และนี่คือ ปัญญา และใครๆ ก็ปฏิบัติได้”.
“การรู้แจ้งเช่นนี้ สำคัญมากต่อความตื่นรู้ร่วม. ในศาสนาพุทธ เราพูดถึงการทำสมาธิในลักษณะของการปฏิบัติของการตื่นรู้,
ตื่นรู้ต่อความจริงที่ว่า โลกกำลังถูกตกอยู่ในอันตราย และ
สรรพสิ่งตกอยู่ในอันตราย”.
การติดป้ายราคาแก่ธรรมชาติไม่พอ; แทนที่จะทำเช่นนั้น,
ความรักเป็นหัวใจของการเปลี่ยนแปลง:
“เราต้องการความตื่นรู้ที่แท้จริง,
การรู้แจ้ง, เพื่อเปลี่ยนวิธีคิดและการมองเห็นสรรพสิ่ง”.
แทนที่จะติดป้ายให้ผืนป่าและปะการังของเรา,
ทาย/หลวงปู่บอกว่า การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นในระดับรากฐานก็ต่อเมื่อเราหวนกลับไปตกหลุมรักกับโลก: “โลกไม่สามารถถูกบรรยายด้วยลักษณะของสสาร
หรือ จิตใจ, ซึ่งเป็นเพียงความคิด, เป็นสองด้านของเหรียญความจริงเดียวกัน.
ต้นสนต้นนั้น ไม่ใช่เป็นเพียงสสาร เพราะมันก็มีประสาทสัมผัสรับรู้ได้. ฝุ่นธุลีก็ไม่ใช่แค่สสาร
เพราะแต่ละอะตอมของมันมีภูมิปัญญา และเป็นเหมือนความจริงที่มีชีวิตหนึ่งๆ.
“เมื่อเราตระหนักถึงคุณงามความดี,
ความสามารถพิเศษ, ความงามของพระแม่ธรณี, บางสิ่งบางอย่างจะเกิดขึ้นภายในตัวเรา,
การเชื่อมโยงบางอย่าง, ความรักได้เกิดขึ้นแล้ว”.
“เราต้องการเชื่อมต่อกัน. นั่นคือความหมายของความรัก,
เป็นหนึ่งเดียวกัน. เมื่อคุณรักใครคนหนึ่ง
คุณต้องการจะบอกว่า ฉันต้องการคุณ, ฉันของคุณเป็นสรณะ. คุณทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของโลก และ
โลกจะทำทุกอย่างเพื่อความอยู่ดีมีสุขของคุณ”.
|
See the full interview here:
|
ดรุณี แปล
|
Published on Monday, February 20, 2012 by Common Dreams
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น