วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2556

159. จงหยุดล่าแรงงานราคาถูกในประเทศด้อยกว่า จงดูแลค่าแรงขั้นต่ำในประเทศ...ที่เป็นพี่น้องร่วมชาตินาวา


Inequality Is Hurting Us All
If the levels of greater income equality of 1968 still prevailed today, the poorest fifth of Marylanders would be earning twice what they take home now.
by John Cavanagh
ความเหลื่อมล้ำทำร้ายพวกเราทั้งหมด
หากระดับความเท่าเทียมกว่าของรายได้ในปี 1968 ยังเป็นอยู่ทุกวันนี้, กลุ่มคนยากจนที่สุด หนึ่งในห้าของชาวแมรีแลนด์ จะมีรายได้เพิ่มเป็นสองเท่าของเงินที่เขานำกลับบ้านขณะนี้
โดย จอห์น คาวานาก์
ดรุณี ตันติวิรมานนท์ แปล

Inequality hurts us all.
ความไม่เท่าเทียมทำร้ายพวกเราทั้งหมด

Imagine if you could go back 45 years to 1968. That year, after three decades of creative policy from President Franklin D. Roosevelt’s New Deal through President Lyndon B. Johnson’s Great Society, the United States was one of the world’s most equal nations.
ลองจินตนาการดู หากคุณถอยหลังกลับไป 45 ปี สู่ปี 1968.  ในปีนั้น, หลังจากสามทศวรรษของนโยบายสร้างสรรค์ จาก นโยบายข้อตกลงใหม่ (New Deal) ของประธานาธิบดี แฟรงกลิน ดี.รูสเวลต์ ถึง นโยบาย สังคมที่ยิ่งใหญ่ของประธานาธิบดี ลินดอน บี. จอห์นสัน, สหรัฐฯ เป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเท่าเทียมที่สุดของโลก.

Picturing Economic Growth (OtherWords cartoon by Khalil Bendib)

Now imagine that instead of falling into the extreme inequality of today, the United States had stayed at the levels of greater equality of that era. What would be the benefits?
ทีนี้ ลองจินตนาการใหม่ แทนที่จะหล่นลงสู่ความไม่เท่าเทียมสุดเหวี่ยงทุกวันนี้, (สมมติว่า) สหรัฐฯ ได้รักษาระดับความเท่าเทียมมากยิ่งขึ้นของยุคนั้น.  ผลประโยชน์จะเป็นอย่างไร?
There would be a lot of them. This is the finding of a new study, “Closing the Inequality Divide,” that my organization, the Institute for Policy Studies, recently released with the Center for Sustainable Economy.
จะมีหลายประการทีเดียว.  นี่คือการค้นพบที่การศึกษาใหม่, “ปิดช่องว่างความไม่เท่าเทียมกัน”, ที่องค์กรของผม, สถาบันนโยบายศึกษา, ได้เผยแพร่เมื่อเร็วๆ นี้ พร้อมกับศูนย์เศรษฐกิจที่ยั่งยืน.
Our report looks at the world from the vantage point of the poorest fifth of people in my relatively affluent state of Maryland. Today, on average, the poorest fifth of the state earns about $15,000 a year. Maryland ranks among the country’s top-five states in terms of per-capita income. Yet many Marylanders work hard to earn the minimum wage, which remains painfully low at $7.25/hour, barely enough for them and their families to scrape by.
รายงานของเรามองโลกจากจุดยืนของคนยากจนที่สุด หนึ่งในห้าของประชาชนในรัฐที่ค่อนข้างร่ำรวย แมรีแลนด์ ของผม.  ทุกวันนี้, โดยเฉลี่ย, คนยากจนที่สุด หนึ่งในห้าของรัฐ หาเงินได้ประมาณปีละ $15,000.  แมรีแลนด์ เป็นหนึ่งในห้ารัฐชั้นนำในด้านรายได้ต่อหัว.   แต่ชาวแมรีแลนด์ทำงานหนักเพื่อให้ได้ค่าจ้างขั้นต่ำ, ซึ่งยังคงต่ำมากในอัตรา $7.25/ชม., เกือบไม่พอจุนเจือพวกเขาและครอบครัว.
Consider this: If the levels of greater income equality of 1968 still prevailed today, that same poorest fifth of Marylanders would be earning twice what they take home now. Imagine the differences. They’d be able to purchase more goods and services, which would generate more jobs and income throughout the state.
ลองพิจารณาอันนี้: หากอัตราความเท่าเทียมของรายได้มากกว่าในปี 1968 ยังเป็นจริงวันนี้, กลุ่มคนยากจนเดียวกันนั้น จะได้รับเงินสองเท่าของที่ได้ปัจจุบัน.  ลองจินตนาการความแตกต่าง.  พวกเขาจะสามารถซื้อสินค้าและบริการได้มากกว่านี้, ซึ่งจะทำให้เกิดงานและรายได้มากขึ้นทั่วทั้งรัฐ.
We’d also be a lot healthier. We’d suffer less crime. Fewer of us would be injured and killed in car crashes. We’d suffer fewer divorces. We’d get the benefits of more education. Since a higher percentage of African-Americans and Latinos are poorer than whites, greater income equality would also reduce race inequality.
พวกเราก็จะแข็งแรงมากกว่านี้.  อาชญากรรมลดลง.  พวกเราจะได้รับบาดเจ็บหรือถูกฆ่าตายในกรณีรถชนกันน้อยลง.  การหย่าร้างลดลง.  เราจะได้ประโยชน์จากการศึกษาที่มีมากขึ้น.  เนื่องจากชาวอาฟริกัน-อเมริกัน และ ลาติโน มีอัตรายากจนมากกว่าชาวผิวขาว, ความเท่าเทียมทางรายได้มากขึ้น จะลดความไม่เท่าเทียมทางเชื้อชาติ.
How do my colleagues and I who wrote this report know all of this? Well, thanks to a bold move by Maryland Gov. Martin O’Malley in 2009, that state now collects information on 26 measures of social, environmental, and economic well-being known as the Genuine Progress Indicator (GPI). In addition to measuring inequality, each year employees of the Maryland government are charting critical things such as the costs of pollution and crime, as well as the value of volunteer work and higher education.
แล้วเพื่อนร่วมงานกับผมเขียนรายงานนี้ได้อย่างไร  ในเมื่อเรารู้ดีเรื่องเหล่านี้?  ใช่แล้ว, ต้องขอบคุณการขับเคลื่อนที่ห้าวหาญของผู้ว่าการ/ข้าหลวงของรัฐแมรีแลนด์ มาร์ติน โอมอลลีย์ ในปี 2009, ที่รัฐได้เก็บข้อมูลดัชนีชี้วัด 26 ประการ ของความอยู่ดีมีสุขด้าน สังคม, สิ่งแวดล้อม, และเศรษฐกิจ ที่รู้จักในนาม ดัชนีความก้าวหน้าที่แท้จริง (Genuine Progress Indicator, GPI).  นอกจากการวัดความไม่เท่าเทียมกันแล้ว, ทุกปี ลูกจ้างของรัฐบาลแมรีแลนด์ จะง่วนกับการทำกราฟเรื่องสำคัญๆ เช่น ต้นทุนของมลภาวะและอาชญากรรม, ตลอดจนค่าของงานอาสา และ การศึกษาระดับสูง.
In other words, measure what you treasure.
พูดใหม่ คือ วัดสิ่งที่เราให้คุณค่า.
The idea is that these broader measures of well-being offer a better sense of how a state and its people are doing than the traditional economic measure of gross domestic product (GDP). That traditional measure only counts the increase in production of goods and services and doesn’t distinguish between the growth of “bad” things — like cancer or polluting industries — versus “good” things — like wind energy and sustainable farming.
ความคิดคือ มาตรวัดแบบกว้างๆ นี้ ถึงความอยู่ดีมีสุข ช่วยให้เราเห็นและสัมผัสในภาพกว้างและละเอียดขึ้นถึงสภาวะและความเป็นอยู่ของประชาชนในรัฐได้ดีกว่ามาตรวัดแบบเดิมๆ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (gross domestic product, GDP).   มาตรเดิมๆ นั้น เพียงแต่นับปริมาณสินค้าและบริการที่ผลิตมากขึ้น และไม่แยกแยะการขยายตัวระหว่าง ของ “เสีย/เลว”—เช่น มะเร็ง หรือ อุตสาหกรรมที่ปล่อยมลพิษ—กับ ของ “ดี”—เช่น พลังงานลม และ เกษตรยั่งยืน.
Are there steps we can take to move in the direction of the greater equality we enjoyed a couple of generations ago?
นี่เป็นก้าวใหม่ใช่ไหม ที่เราสามารถเลือกที่จะเคลื่อนไปในทิศทางของความเท่าเทียมเพิ่มขึ้น ที่เราเคยได้รับในรุ่นก่อนๆ?
Yes. Our research points to the good work of a wide range of Maryland organizations that have practical ideas on how to reduce inequality. A broad coalition has come together to raise Maryland’s minimum wage to $10.00 an hour by 2015, with an increase for restaurant workers and others who make tips as well. This state-level momentum is strengthening the efforts to pass a national bill introduced by Senator Tom Harkin and Representative George Miller to increase the minimum wage to $10.10 across the country.
ใช่ครับ.  งานวิจัยของเราชี้ให้เห็นถึงงานดีๆ มากมายขององค์กรในแมรีแลนด์ ที่มีความคิดเชิงปฏิบัติ ว่าจะลดความเหลื่อมล้ำได้อย่างไร.   มีการจับมือกันหลากหลายกลุ่ม เพื่อเพิ่มอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็น $10.00 ต่อชั่วโมงภายในปี 2015, พร้อมทั้งเพิ่มให้คนงานในภัตตาคาร และ คนงานอื่นๆ ที่ได้ค่าทิปด้วย. 
President Barack Obama backed an increase in his February State of the Union address, and polls show strong public support. In early March, a Gallup poll showed 71 percent of Americans supporting an increase in the minimum wage to $9 an hour, the level Obama recommended.
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้หนุนการปรับเพิ่มค่าแรงนี้ในสุนทรพจน์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์, และโพลได้แสดงให้เห็นว่า สาธารณชนให้การสนับสนุนอย่างเข้มแข็ง.  ในต้นมีนาคม, โพลได้แสดงให้เห็นว่า ชาวอเมริกัน 71% สนับสนุนให้เพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำเป็น $9 ต่อชั่วโมง, อันเป็นระดับที่โอบามาเสนอ.
We know how to make both Maryland and this country more equal, in part because we’ve done it before, from the 1930s to the 1960s. And we would all benefit from this shift.
เรารู้ว่าจะทำให้แมรีแลนด์และประเทศนี้เกิดความเท่าเทียมยิ่งขึ้นได้อย่างไร, ส่วนหนึ่ง เพราะเราได้ทำมาก่อนแล้ว, จากทศวรรษ 1930s ถึง 1960s.  และพวกเราทั้งปวงจะได้รับประโยชน์จากการขยับจุดยืนนี้.

This work is licensed under a Creative Commons License

John Cavanagh is the director of the Institute for Policy Studies, a progressive think tank celebrating its 50th year.
จอห์น คาวานาก์ เป็น ผอ. ของสถาบันนโยบายศึกษา, กลุ่มนักคิดหัวก้าวหน้า กำลังฉลองครบ 50 ปีของการก่อตั้ง.

Published on Wednesday, March 20, 2013 by OtherWords

gardenernorcal • a day ago
I remember 1968 well. I was 18, Everything was pretty ok for a while except the draft and the Vietnam war. We made progress with civil and women's rights, worker safety, environment concerns. For a time things were looking up. The Nuclear Nonproliferation Treaty was signed. Nixon ended the war, the ERA was passed (but not ratified), Earthday became a festival. War toys at Christmas were a thing of the past. Men aspired to an "Alan Alda" kinder gentler type of manhood. Women felt liberated enough to follow their dreams of careers. Marriage was ok but why jump into it. Illegimate kids were considered just kids. Gays came out of the closet. Interracial marriage was legalized. Dress codes were relaxed you could be who you were.
Then came the oil crisis of 1973 and 1979 with high inflation, followed by Reagan's recession. And "trickle down" was sold to the populace as a winning economic theory and with it brought the rise of the radical right and Alan Greenspan. And the bright light that had shown down on us for a brief period once more dimmed.
Consider this: those oil crisis of the 70s were a direct result of Israel causing unrest in the Middle East, the Iranian revolution and market speculation. Nothing has really changed.

itsthethird > gardenernorcal • a day ago
The worldwide corporate wagon train rolls on toward the promised land of opportunity but the closer we get the farther away we find ourselves to be. Ever elusive is the good life when our destination is ever shifting away while all along more wagons keep joining the train. It’s time we circled the wagons and picked up our resolve to travel no more along the corporate way.

glennk • a day ago
Life in this country was much better for the average American in the late 60's even with the wretched War.

503me • a day ago
The level of inequality of wealth in our country is now higher than it was in the 20's. Our infrastructure is crumbling and with lower and lower taxes on those that should be paying a higher percentage of taxes, as they use that infrastructure to make their wealth, but refuse to pay to keep it working. Its up to we the people to come together and demand from our government that it once more works for all 100% of the population, not just the top 1%.

glennk > 503me • a day ago
It will for awhile and then they'll hire the goons of the far right to bust heads like the rich in Germany did and I got news for all of us they will.

503me > glennk • a day ago
all the more reasons to remember that the 'rich' are few in number and we the people have the numbers on our side. Use your voice as that is our only peaceful tool we have. Violence only begets more violence and no one wins, then. As to Germany, there min wage is 22.oo an hour and they have non profit healthcare for all.

Jae Moore > 503me • a day ago
We also have our money. Refuse to buy anything you don't absolutely need, refuse to purchase from Wal-Mart, Target, unite for better public transportation, demand recalls on those traitors that are pushing this. Walk more, bicycle more, grow some of your own food, write - via snail mail to your representatives, plant trees.....

Contrarian • 2 days ago
It isn't hurting those in the higher income brackets -- they are who is benefitting from the inequality. They seem to feel as if their wealth will insulate them from inevitable systemic deterioration, and they may be right, but I doubt it.

dfnslblty > Contrarian • a day ago
Agreed - and Cavanagh sports too many "if"s to be credible; the headline wants a majority to accept that those folks gaining more than $1million per year are hurt in any real way.
Unsaid and real is that the entire raft will sink, with the wealthy having access to the lifeboats. He doesn't want us to look behind the curtain.
Stop The Wars!

capt jim mcintyre • a day ago
The shame and the sorrow is that trillions have been squandered on the destructing of other civilizations, while the most evil and greedy men prospered, and the people were left wanting.

Ellen • a day ago
and what is $10 going to be worth in 2 or 3 years? It still won't be a fair, living wage and it will have lost ground to inflation. It's a crumb out of the vast grotesque pie of corporate profits. I say we don't settle for crumbs.

itsthethird • a day ago
World wide exchange of capital, labor, resources, corporate protections, legal, social or individual property rights protections insures capitalism's world wide play goes on while nationalism gives way to corporate control and greed. Responsibility none for the competition of everyone is facing off for themselves. Cooperation has gone with nationalism only to be replaced by greed.

Barbara Mullin • 17 hours ago
This week the Wilmington News Journal had an OpEd piece by two University of Delaware Economics Professors saying it's wrong to increase the minimum wage and that the people who make minimum wages are only teenagers. How do lay people fight this misinformation?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น