"Their
interests lie first and foremost in patenting life for profit."
-
Andrea Germanos, staff writer
คำเตือนให้ระวัง
แยก “ปฏิวัติที่เขียวยิ่งขึ้น” จาก “ผู้ป้อนยาพิษ”
“ความสนใจของพวกเขาอันดับแรก คือ
จดสิทธิบัตรสิ่งมีชีวิตเพื่อค้ากำไร”
-
แอนเดรีย เจอร์มาโนส
Environmental groups are
slamming a call for a "Greener Revolution" from a corporation they
call a "purveyor of poison" as a plan for corporate profits above the
needs of farmers and the environment, when the kind of real revolution needed
in agriculture lies outside of the very agribusinesses that created the
problems we have.
กลุ่มสิ่งแวดล้อมโจมตีการเรียกร้องให้มี
“ปฏิวัติเขียว” โดยบรรษัทหนึ่ง ซึ่งพวกเขาตั้งฉายาว่าเป็น “ผู้ป้อนยาพิษ”
ว่าเป็นแผนค้ากำไรของบรรษัทที่อยู่เหนือความต้องการของชาวนา และ สิ่งแวดล้อม,
เมื่อการปฏิวัติที่แท้จริงอันเป็นที่ต้องการของภาคเกษตร
กลับอยู่นอกปริมณฑลของเกษตรพาณิชย์นี้ ที่สร้างปัญหาที่พวกเรากำลังเผชิญอยู่.
Suzanne Ouedrago, a farmer from
Fanka in Burkina Faso. (Photo: Pablo Tosco / Oxfam)
Liam Condon, CEO of Bayer
CropScience, issued his call at the Global Forum for Food and Agriculture in Berlin this month,
offering a five-pronged approach to this Greener Revolution that includes
billions of dollars in investment in "cutting-edge chemistry" and
"new areas of innovation."
"It
is crucial that we pursue all available technologies to make a sustainable
difference in helping to ensure food security," Condon stated.
เลียม คอนดอน, ซีอีโอ ของ เบเยอร์ ครอปไซน์ (บคซ),
ได้แถลงข้อเรียกร้องของเขาที่ การประชุมโลกเพื่ออาหารและเกษตร ในเบอร์ลิน
เดือนนี้, ด้วยการเสนอแนวทาง ๕ ด้านเพื่อ ปฏิวัติให้เขียวยิ่งขึ้น
ที่รวมถึงเงินลงทุนนับพันล้านเหรียญในการค้นคว้า “เคมีแนวหน้า” และ
“นวัตกรรมในพื้นที่ใหม่.”
At the AGCO Africa Summit, also in Berlin, held days after the Global
Forum for Food and Agriculture, Christian Asboth, Senior Vice President for
Africa, Middle East and CIS at Bayer CropScience reiterated the company's
technology and stressed it had the know-how Africa needs. "We have
excellent seed technology in several crops, such as in vegetables, cotton and
hybrid rice,” said Asboth. And in a release from Bayer, the ag giant projects
future growth for the company on the continent, stating: "Within the next years, Bayer
CropScience plans to establish legal entities in eight additional African
countries and to increase its work force."
ณ
ที่การประชุมสุดยอด AGCO, เช่นกันในเบอร์ลิน, ที่จัดขึ้นภายหลัง การประชุมโลกเพื่ออาหารและเกษตร,
คริสเตียน แอสโบธ, รองประธานอาวุโส ของ อาฟริกา, ตะวันออกกลาง และ CIS ที่ บคซ ได้กล่าวซ้ำเทคโนโลยีของบริษัท และ เน้นว่า
มันรู้ดีถึงความต้องการของอาฟริกา.
“เรามีเทคโนโลยีเมล็ดพันธุ์ที่เยี่ยมยอดที่สุดสำหรับพืชหลายชนิด, เช่น ผัก,
ฝ้าย และ ข้าวพันธุ์ผสม,” แอสโบธ กล่าว.
และในแถลงข่าวจากเบเยอร์, อนาคตการเติบโตของโครงการเกษตรขนาดยักษ์สำหรับบริษัทในทวีป,
ระบุว่า “ภายในหลายปีข้างหน้า, บคซ
มีแผนจะก่อตั้งนิติบุคคลเพิ่มขึ้นในอีกแปดประเทศอาฟริกัน
และจะเพิ่มแรงงานการผลิต.”
This high-tech paradigm of
agricultural production gets the help of the Bill and Melinda Gates Foundation,
and represents the kind of "partnerships" Bayer says is needed.
กรอบคิดไฮเทคเพื่อการผลิตทางเกษตรนี้
ได้รับความช่วยเหลือจาก มูลนิธิ บิลและเมลินดา เกตส์, และเป็นตัวแทนของการเป็น
“หุ้นส่วน” ที่เบอเยอร์บอกว่า เป็นเรื่องจำเป็น.
The Associated Press reported on Tuesday that the Foundation was
investing $108 million as part of a collaboration with the German government
and corporations including Bayer CropScience and chemical giant BASF SE under
the auspices of fighting hunger.
Associated Press ได้รายงานเมื่อวันอังคารว่า
มูลนิธิ ได้ลงทุน $108 ล้าน
ในฐานะความร่วมมือกับรัฐบาลเยอรมันและเหล่าบรรษัท รวมทั้ง บคซ และ
ยักษ์ใหญ่เคมีภัณฑ์ BASF SE ภายใต้ป้ายมงคลว่า
การต่อสู้ความหิวโหย.
The Gates Foundation has
a history of funding big agricultural corporations
that push genetically modified seeds. Following the announcement in July from the Gates foundation for a
$10 million grant to develop genetically modified (GM) crops for use in
sub-Saharan Africa, Mariam Mayet of the African Centre for Biosafety in South
Africa spoke out against the kind of foreign intervention efforts that are
technologically dependent and take no account of African farmers' wishes.
"African farmers are the last people to be asked about such projects. This
often results in the wrong technologies being developed, which many farmers
simply cannot afford. We need methods that we can control aimed at building up
resilient soils that are both fertile and able to cope with extreme weather. We
also want our knowledge and skills to be respected and not to have
inappropriate solutions imposed on us by distant institutions, charitable
bodies or governments."
มูลนิธิเกตส์
มีประวัติของการสนับสนุนทางการเงินแก่บรรษัทเกษตรภัณฑ์ยักษ์ใหญ่
ที่ผลักดันเมล็ดตัดแต่งสายพันธุ์. ตามหลังการประกาศในเดือนกรกฎาคม
จากมูลนิธิเกตส์ เรื่องการมอบทุน $10 ล้าน เพื่อพัฒนาพืช จีเอ็ม
สำหรับใช้ในอนุภาคซาฮาราในอาฟริกา, มาเรียม มาเยต์ แห่ง ศูนย์อาฟริกาเพื่อความปลอดภัยเชิงชีวภาพในอาฟริกาใต้
ได้พูดต่อต้านความพยายามแทรกแซงของต่างชาติแบบนี้ ที่ต้องพึ่งอิงเทคโนโลยี
และไม่คำนึงถึงความต้องการของเกษตรกรชาวอาฟริกันเลย.
“เกษตรกรอาฟริกันเป็นคนสุดท้ายที่ถูกถามถึงเกี่ยวกับโครงการเหล่านี้. เช่นนี้ มักจะลงเอยที่พัฒนาเทคโนโลยีผิดๆ,
ที่เกษตรกรส่วนใหญ่ไม่สามารถจ่ายได้.
เราต้องการวิธีการที่เราสามารถควบคุมได้
ที่มุ่งเสริมสร้างความยืดหยุ่นในดิน
ให้มีทั้งความอุดมสมบูรณ์และสามารถต้านทางอากาศที่รุนแรงได้.
เราต้องการให้เคารพองค์ความรู้และทักษะของพวกเราด้วย และไม่ต้องการให้ยัดเยียดวิธีแก้ไขที่ไม่เหมาะสม
ที่มาจากสถาบันที่ห่างไกล, องค์กรกุศล หรือ รัฐบาล.”
Beware biotechnology CEOs
calling for a "greener revolution," says Wenongah Hauter, executive
director of Food & Water Watch and author of Foodopoly: The Battle Over the Future of Food
and Farming in America. "Their
interests lie first and foremost in patenting life for profit," stated
Hauter.
จงระวังข้อเรียกร้องของซีอีโอของเทคโนโลยีชีวภาพ
เพื่อ “ปฏิวัติที่เขียวยิ่งขึ้น”, วีนองกาห์ เฮาเตอร์, ผอ บริหาร ของ Food & Water Watch และ ผู้เขียน Foodopoly: The Battle Over the Future of Food and Farming in
America
(ผูกขาดอาหาร:
สงครามชิงอนาคตของอาหารและเกษตรกรรมในอเมริกา).
“ความสนใจของพวกเขาอยู่ที่การจดสิทธิบัตรชีวิตเพื่อค้ากำไรเป็นอันดับแรก,”
เฮาเตอร์กล่าว.
Ronnie Cummins of the Organic Consumers Association also says Bayer's motives are
clear. "Looking back at Bayer's history (including their ignominious
role as a strategic player in the IB Farben cartel in Nazi Germany) as a
purveyor of toxic chemicals, dangerous pharmaceutical drugs, pesticides, and
now genetically engineered seeds, the only kind of Green Revolution Bayer
really seems to care about is the green revolution of money and inordinate
corporate profits."
รอนนี
คัมมินส์ แห่ง สมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ ก็กล่าวเช่นกันว่า แรงจูงใจของเบอเยอร์
ชัดเจนอยู่แล้ว. “ย้อนดูประวัติของเบเยอร์
(รวมทั้งบทบาทอัปยศในฐานะหมากยุทธศาสตร์ใน IB Farben cartel ในนาซี เยอรมัน)
ในฐานะผู้ป้อนเหยื่อด้วยสารเคมีพิษ, ยาอุตสาหกรรมเภสัชที่อันตราย, ยากำจัดแมลง,
และเมล็ดจีเอ็ม, ดูเหมือน ปฏิวัติเขียว ชนิดเดียวที่เบอเยอร์สนใจจริงๆ คือ ปฏิวัติเขียวของเงินตรา
และ ไม่จำกัดกำไรบรรษัทที่ล้นเกิน.”
Hauter adds that the
company's promotion of genetically modified crops is a threat to food
security. "The promotion of genetically engineered foods is not an
agenda that has helped farmers or the environment. Rather, it has threatened
the gene pool and our collective food security. The biotechnology industry is
not well regulated, and most people don't even know they're eating genetically
altered food on a regular basis. We need to rein in their power to greenwash
food and development policy in this manner," stated Hauter.
เฮาเตอร์
เสริมว่า การส่งเสริมพืช จีเอ็ม ของบริษัท เป็นภัยคุกคามความมั่นคงทางอาหาร. “การส่งเสริมอาหาร จีเอ็ม
ไม่ใช่วาระที่จะช่วยเกษตรกรหรือสิ่งแวดล้อม.
แทนที่จะเป็นเช่นนั้น, มันกลับคุกคามแหล่งสายพันธุ์ และ
ความมั่นคงร่วมทางอาหารของพวกเรา. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีทางชีวภาพ
ยังไม่ได้รับการควบคุมดีพอ,
และคนส่วนใหญ่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขากำลังกินอาหารที่ได้ถูกแปรพันธุกรรมไปแล้วเป็นปกติ. พวกเราจำเป็นต้องกุมบังเหียน
คุมอำนาจของพวกเขาในการทาสีเขียวใส่อาหาร และ นโยบายการพัฒนาด้วยวิธีนี้,”
เฮาเตอร์กล่าว.
We do need an agricultural
revolution, notes Eric Hoffman, food and technology policy campaigner at Friends of the Earth.
เราจำเป็นต้องมีการปฏิวัติในภาคเกษตร,
อีริค ฮอฟแมน กล่าว, เขาเป็นนักรณรงค์นโยบายอาหารและเทคโนโลยีที่ เพื่อนโลก.
"But it’s not going to
come from Bayer Cropscience or any other biotech and agribusiness giant that
helped create the mess of industrial agriculture we have today. The revolution
we need is one that supports sustainable agriculture solutions, like
agro-ecology, organic farming, local and regional food systems, and allowing
farmers to have a say in policies that effect their lives. A real revolution in
agriculture would empower farmers and communities to develop a sustainable and
just food system that is not dependent on expensive, risky genetically
engineered seeds and toxic pesticides produced by Bayer and its biotech
friends, or other high-cost patented technologies,” stated Hoffman.
“แต่มันคงไม่มาจาก
บคซ หรือ ยักษ์ใหญ่ไบโอเทค และ เกษตรพาณิชย์ ที่ช่วยสร้างความสกปรกรกรุงรังของอุตสาหกรรมเกษตร
ที่เราต้องประสบทุกวันนี้.
การปฏิวัติที่เราต้องการ คือ
การปฏิวัติที่สนับสนุนทางออกที่เป็นเกษตรยั่งยืน, เช่น เกษตรนิเวศ, เกษตรอินทรีย์,
ระบบอาหารท้องถิ่นและภูมิภาค, และยอมให้เกษตรกรพูดได้บ้างในการกำหนดนโยบายที่มีผลกระทบต่อชีวิตของพวกเขา.
การปฏิวัติที่แท้จริงในภาคเกษตรจะเสริมพลังอำนาจการต่อรองให้เกษตรกรและชุมชนให้พัฒนาระบบอาหารที่ยั่งยืนและเป็นธรรม
ที่ไม่ต้องผูกพึ่งเมล็ดที่ตัดแต่งทางพันธุกรรม และยาฆ่าแมลงพิษ ที่มีราคาแพง,
และสุ่มเสี่ยง ที่ผลิตโดยเบเยอร์และเพื่อนไบโอเทคของมัน, หรือ เทคโนโลยีอื่นๆ
ที่มีค่าลิขสิทธิ์สูงลิ่ว,” ฮอฟแมนกล่าว.
Mark Kastel, co-founder of
the Cornucopia Institute, which works to support ecological principles
in agriculture, also cautions against taking recommendations from "one of
the world's leading manufacturers of poison. It has a major responsibility for
damage to our planet's ecosystems, biodiversity and impact on human
health."
มาร์ค
คาสเตล, ผู้ร่วมก่อตั้ง สถาบันคอร์นูโคเปีย,
ที่ทำงานสนับสนุนหลักการนิเวศในภาคเกษตร, ก็ได้เตือนให้ระวังการทำตามคำแนะนำจาก
“หนึ่งในผู้ผลิตสารพิษชั้นนำของโลก. มันมีส่วนรับผิดชอบมากในการทำลายระบบนิเวศ,
ความหลากหลายทางชีวภาพในโลกของเรา และมีผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์.”
"Many of the problems he
now proposes to remediate were created by corporate agribusiness and
agrochemical manufacturers," adds Kastel. "Our research and resources
have flowed into creating patented chemicals, seeds and technology (including
genetic engineering) at the expense of organic farming techniques where the
knowledge isn't proprietary."
“ปัญหามากมายที่เขานำเสนอตอนนี้
เพื่อบรรเทา ล้วนสร้างโดยบรรษัทเกษตรพาณิชย์ และโรงงานเคมีเกษตร,”
คาสเตลเสริม.
“งานวิจัยและทรัพยากรของพวกเราได้ไหลไปสู่การสร้างและจดลิขสิทธิ์เคมีภัณฑ์,
เมล็ด และเทคโนโลยี (รวมทั้ง จีเอ็ม) ที่กดทับเทคนิคเกษตรอินทรีย์ ซึ่งองค์ความรู้
ไม่ได้เป็นสมบัติส่วนตัว.”
"Just think of how much
safe and healthy food we could be creating if we invested a fraction of the
research budget that goes into genetically engineered crops and chemical
development in organics."
“ลองคิดดู
เราจะผลิตอาหารที่ปลอดภัยและถูกอนามัยได้มากเท่าไร หากเราลงทุนเพียงเศษเสี้ยวของงบการวิจัย
ที่ทุ่มให้พืช จีเอ็ม และการพัฒนาสารเคมี ไปที่เกษตรอินทรีย์.”
For organic-proponents like Cummins,
the corporation leaves little to love. "Whether selling neonicotinoid
insecticides that that are killing off the word's bees, pushing controversial
and hazardous genetically engineered crops, or contributing large sums of money
to defeat the California Ballot initiative to label GMO foods, Bayer is quickly
joining Monsanto as one of the most hated corporations on Earth," said
Cummins.
สำหรับผู้สนับสนุนอินทรีย์
เช่น คัมมินส์, ยากที่จะรักบรรษัท.
“ไม่ว่าจะเป็นการขาย ยาฆ่าแมลงที่มี นีโอนิโคตินอยด์
ที่กำลังฆ่าล้างผลาญผึ้งในโลกนี้, ยัดเยียดพืช จีเอ็ม ที่ยังมีความเห็นขัดแย้งกัน
และอันตราย, หรือ ทุ่มเทเงินมหาศาลเพื่อล้มประชาพิจารณ์ในแคลิฟอร์เนีย
ที่ต้องการให้ติดฉลาก อาหารจีเอ็มโอ, เบเยอร์
กำลังเข้าร่วมกับมอนซานโตอย่างรวดเร็ว ในฐานะบรรษัทที่ยอดเกลียดบนพิภพ,”
คัมมินส์กล่าว.
ดรุณี แปล
Create the problem, Then offer a "solution" to the
problem. That perpetuates the problem, So
that another "solution" can be offered.
A circular logic, For a circle of death.
Seems to me the peoples of Africa should meet these friendly
purveyors of "green" technology at the borders with guns. Enough
exploitation of that continent by the rapacious!
I think this may be happening and said peoples are being called
'terrorists'.
Bayer is the Monsanto of Europe.
The overuse of fertilizers,herbicides and pesticides was
formerly considered a green revolution.
I read the Greening of America, one of the last optimistic
books. Diet For A Small Planet, Secret Life of Plants, Grow Your Own Stone...
that's the last one I remember.
A couple more I think you'd like: "A Green History of the World" by
Clive Ponting; "One Straw Revolution" and "The Natural Way of
Farming" by Masanobu Fukuoka; "Ecological Integrity" by David
Pimentel
we used to read mother earth news and harrowsmith, organic
prevention pulp newsprint magazines in the late 70s. I laugh when I see what
they become.
When gooses drink juices of mooses. Or mooses drink juices of gooses. Is it green eggs and ham or am I on LSD
again?
Better living through chemistry??????
Is there a prescription drug for an undefined sense of
uncertainty? I'm pretty sure I'm uncertain about something?
I am certain Bayer can offer you a drug that'll put your mind at
perfect chemical ease.
In the good old days Bayer had a drug called Heroin (their brand
name, not a slang name), used mainly as a cough drop, but also as a cure for
addictions and it did a great job of curing headaches.
Personally, I think we should go back to those days.
Bayer hasn't been all bad. They invented aspirin. About the same
time they patented another over-the-counter medication they called Heroin. All
with good intentions and promises, of course.
I wonder sometimes whether these benefactors in power (http://bit.ly/14uQrv5) ever get tired of lying to the people.
Yes, I know they crave their glory. So they poke us to get our attention and
they know, when they do that, that we'll see the crap they're doing and we'll
see through their lies and their attitude. Still...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น