Open
Letter to the Organic Community: The California Ballot Initiative to Label GMOs
by Ronnie Cummins
จดหมายเปิดผนึกถึงชุมชนอินทรีย์ : การลงคะแนนในแคลิฟอร์เนีย เพื่อติดป้าย GMOs
-รอนนี คัมมินส์
After 45 years of hard work and grassroots struggle, the
organic community has built up a $30-billion organic food and farming industry
and community. This consumer and small farmer-driven movement, under steady
attack by biotech and Big Food lobbyists, with little or no help from the
federal government, has managed to create a healthy and sustainable alternative
to America’s disastrous, chemical and energy-intensive system of industrial
agriculture. Consumer demand is behind strong organic sales. Conscious of the
health hazards of genetic engineering and chemical agriculture, and the mortal
threat of global warming and climate change, millions of Americans are
demanding food and other products that are certified organic.
หลังจากการทำงานอย่างหนักหน่วงและการต่อสู้ระดับฐานราก
ชุมชนอินทรีย์ได้สร้างอุตสาหกรรมและชุมชนอาหารและเกษตรอินทรีย์ที่มีมูลค่าถึง $30 พันล้าน (๙๐๐ พันล้านบาท)
ขบวนการที่ขับเคลื่อนโดยผู้บริโภคและเกษตรกรขนาดเล็ก
ที่ถูกนักวิ่งเต้นการเมือง (นักล็อบบี้) ด้านไบโอเทค (เทคโนโลยีชีวภาพ) และบริษัทอาหารยักษ์ๆ
โจมตีอย่างต่อเนื่อง แต่เกือบไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ จากรัฐบาลสหพันธ์ ได้หาทางสร้างทางเลือกที่เสริมสร้างสุขภาพและความยั่งยืน
แทนอุตสาหกรรมเกษตรที่นำพาภัยพิบัติ ที่ใช้ระบบสารเคมีและพลังงานเข้มข้น ของอเมริกา การเรียกร้องของผู้บริโภคเป็นพลังหนุนให้มีการขายผลผลิตอินทรีย์ได้อย่างเข้มแข็ง ความสำนึกต่อภัยสุขภาพจากผลผลิตของเกษตรแปรพันธุกรรมและสารเคมี
และภัยคุกคามถึงตายจากภาวะโลกร้อนและภูมิอากาศผันผวน
เป็นปัจจัยให้ชาวอเมริกันนับล้านเรียกร้องให้มีการรับรองอาหารและผลิตภัณฑ์อินทรีย์ต่างๆ
It’s a hopeful sign that, in spite of economic recession,
organic foods now make up 4.2% of all grocery store sales. However given the
magnitude of the country’s public health, environmental, and climate crisis,
10% annual growth in the organic sector is simply not enough to reach the
proverbial “tipping point” before our current crisis metastasizes into what can
only be described as a catastrophe.
มันเป็นสัญญาณดี ทั้งๆ ที่เศรษฐกิจกำลังถดถอย ที่ว่า ปัจจุบัน อาหารอินทรีย์คิดเป็น
4.2% ของยอดขายสินค้าในร้านของชำ ถึงอย่างไร เมื่อเทียบกับขนาดปัญหาของสุขภาพของสาธารณชน
สิ่งแวดล้อม และวิกฤตภูมิอากาศในประเทศ อัตราการขยายตัวของภาคอาหารอินทรีย์เพียง 10% ต่อปี ไม่มากพอที่จะทำให้ “ไม้กระดก”
ได้ก่อนที่วิกฤตปัจจุบันจะแพร่กระจายดั่งเนื้อร้ายและนำไปสู่หายนะ
In the food sector, we cannot continue to hand over 90% of
our consumer dollars to out-of-control, biotech, chemical-intensive,
energy-intensive, greenhouse gas polluting corporations and "profit at any cost" retail
chains. The growth of the Organic Alternative is literally a matter of
survival. After two decades of biotech bullying and force-feeding unlabeled and
hazardous genetically engineered foods to animals and humans, it's time to move
beyond defensive measures - such as petitioning the FDA - and go on the
offensive. With organic farming, climate
stability, and public health under the gun of the gene engineers and their
partners in crime, it's time to do more than complain. With over 1/3 of U.S.
cropland already contaminated with Genetically Modified Organisms (GMOs), with
mounting scientific evidence that GMOs cause cancer, birth defects, and serious
food allergies, and with new biotech
mutants like alfalfa, lawn grass, ethanol-ready corn, 2,4 D-resistant crops,
and genetically engineered trees and animals being fast-tracked for approval by
the government, with absolutely no pre-market safety-testing required, time is
running out.
ในภาคส่วนอาหาร เราไม่สามารถจะมอบ 90% ของเงินผู้บริโภค ให้แก่พวกบริษัทไบโอเทค
ที่ใช้สารเคมีเข้มข้น พลังงานเข้มข้น ผลิตก๊าซเรือนกระจกและมลภาวะ และห่วงโซ่ขายปลีกที่เอากำไรไม่เลือกหน้า การเติบโตของ ทางเลือกอินทรีย์ จริงๆ
แล้วเป็นเรื่องของการอยู่รอด
หลังจากสองทศวรรษ ที่ถูกไบโอเทครังแก และยัดเยียดป้อนอาหารแปรพันธุกรรมที่อันตรายและไม่ได้ติดป้ายแก่สัตว์และมนุษย์
ถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะขยับตัวมากกว่าเพียงตั้งรับ—เช่น
ร้องเรียนต่อ อย—และเริ่มเป็นฝ่ายรุก ด้วยการที่เกษตรอินทรีย์ ความเสถียรของภูมิอากาศ
และสุขภาวะของสาธารณชน ล้วนถูกจ่อด้วยปลายปืนของนักวิศวพันธุกรรม
และหุ้นส่วนของพวกเขาในการก่ออาชญากรรม
ถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะต้องทำมากกว่าแค่บ่นร้องทุกข์ ด้วย 1/3 ของพื้นที่เพาะปลูกธัญพืชได้ถูกปนเปื้อนแล้วด้วยพืชแปรพันธุกรรม
(GMOs) ด้วยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่เพิ่มมากขึ้น
ชี้ว่า GMOs เป็นเหตุให้เกิดมะเร็ง เป็นอันตรายต่อตัวอ่อนในครรภ์ และทำให้เกิดภูมิแพ้สาหัส และด้วยผลผลิตกลายพันธุ์ด้วยไบโอเทค เช่น ถั่วอัลฟัลฟา สนามหญ้า
ข้าวโพดสำหรับเอธาโนล พืชที่ต้าน 2,4 D และต้นไม้และสัตว์ที่ถูกแปรพันธุกรรม
กำลังถูกลำเลียงให้รัฐบาลอนุมัติ โดยไม่มีการบังคับให้ทำการทดสอบความปลอดภัยก่อนแพร่ออกสู่ตลาด เวลาสั้นลงทุกที
The burning question for us all then becomes how - and how
quickly - can we move healthy, organic products from a 4.2% market niche, to
the dominant force in American food and farming?
คำถามรุ่มร้อนสำหรับพวกเราจึงเป็น อย่างไร – และเร็วแค่ไหน—ที่พวกเราจะสามารถขยับผลผลิตอินทรีย์
ที่ดีต่อสุขภาพจากตลาดน้อยๆ 4.2%
เป็นกระแสหลักในภาคอาหารและการเกษตรของอเมริกัน?
The first step is to change our labeling laws. Nearly 80% of
non-organic processed foods, including so-called “natural” foods, contain
genetically engineered bacteria, viruses, antibiotic-resistant genes, and
foreign DNA. Yet none of these foods are labeled. No wonder only 30% of
Americans realize they’re probably eating GMOs on a regular basis.
Health-minded and environmentally conscious consumers actually buy more
products marketed or labeled as “natural” ($50 billion a year) than they do
organic ($30 billion), either because they don’t understand the difference
between organic and “natural”, and/or because so-called “natural” foods are
typically cheaper than certified organic. For instance, two-thirds of the foods
sold in Whole Foods Market or Trader Joe’s are not organic, but rather
“natural.” Polls indicate that consumers are confused about the qualitative
difference between organic and natural products, with a near-majority believing
that “natural” means “almost organic.”
ก้าวแรกคือ เปลี่ยนกฎหมายการติดป้าย เกือบ 80%
ของอาหารแปรรูปที่ไม่ใช่อินทรีย์
รวมทั้งพวกที่เรียกตัวเองว่า อาหาร “ธรรมชาติ” มีแบคทีเรีย ไวรัส
พันธุกรรมที่ต้านสารปฏิชีวนะ และ ดีเอ็นเอ ต่างชาติ บรรจุอยู่ด้วย แต่ไม่มีอาหารพวกนี้ตัวไหนติดป้ายแจ้ง ไม่แปลกใจเลยที่มีชาวอเมริกันเพียง 30% ที่ตระหนักว่า พวกเขาคงกิน GMOs เป็นประจำทุกวัน
ผู้บริโภคที่สนใจดูแลสุขภาพและมีจิตสำนึกเชิงสิ่งแวดล้อม แท้จริง กลับซื้อผลิตภัณฑ์ที่โฆษณา
หรือติดป้าย “ธรรมชาติ” ($50 พันล้าน/ปี หรือ ๑,๕๐๐
พันล้านบาท/ปี) มากกว่า อินทรีย์ ($30 พันล้าน หรือ ๙๐๐ พันล้านบาท) อาจเป็นเพราะพวกเขาไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่าง
อินทรีย์ และ “ธรรมชาติ” หรือ/และ เพราะ เจ้าพวก “ธรรมชาติ” ราคาถูกกว่าอาหารอินทรีย์ที่มีเครื่องหมายมาตรฐานรับรอง ด้วยคนเกือบส่วนใหญ่ เชื่อว่า “ธรรมชาติ”
หมายถึง “เกือบอินทรีย์”
It’s time to put an end to this massive fraud, and take back
our right to know what’s in our food. Since the federal government and the
White House seem to listen more to Monsanto and Big Ag than the 90% of
Americans who support mandatory labeling of GMOs, OCA and allied activists have
decided to bypass Washington politicians and take matters into our own hands.
ถึงเวลาแล้วที่จะยุติการหลอกลวงเขื่อง
และทวงคืนสิทธิ์ของเราที่จะรู้ว่า มีส่วนผสมอะไรในอาหารที่เรากิน เนื่องจากรัฐบาลสหพันธ์ และทำเนียบขาว ดูเหมือนจะฟัง
มอนซานโต และ เกษตรพาณิชย์ยักษ์ มากกว่าชาวอเมริกัน 90% ที่สนับสนุนการบังคับให้ติดป้าย GMOs สมาคมผู้บริโภคผลิตภัณฑ์อินทรีย์
และพันธมิตรได้ตัดสินใจที่จะข้ามหัวนักการเมืองที่วอชิงตัน และจัดการเรื่องนี้ด้วยมือตัวเอง
What is likely the most important food fight in a generation
is unfolding in California. The grassroots-powered Nov. 6 California Ballot
Initiative (Proposition 37) to require labels on genetically engineered foods
and to ban the routine industry practice of marketing GMO-tainted foods as
“natural” or “all natural” is approaching a decisive moment. The outcome of
this ballot initiative will determine whether GMO foods are labeled, not only
in California but across the entire United States and Canada as well. It’s time
for all of us who care about an organic and sustainable future to close ranks
and support the Nov. 6 California Ballot Initiative (Proposition 37). Over 650
organizations, organic companies and retail stores have already endorsed the
campaign. But we need thousands more.
สิ่งที่น่าจะเป็นการต่อสู้เรื่องอาหารที่สำคัญที่สุดในรุ่นหนึ่ง
กำลังคลี่ออกในแคลิฟอร์เนีย การลงคะแนนเสียงที่ริเริ่มและดำเนินการโดยคนฐานรากแคลิฟอร์เนีย
เบอร์ ๖ (ญัตติข้อ 37) ที่ต้องการให้ติดป้ายอาหารที่แปรพันธุกรรม
และให้ห้ามวิธีปฏิบัติที่ถือเป็นปกติของภาคอุตสาหกรรมในการขายอาหารปนเปื้อน GMO ว่าเป็น “ธรรมชาติ” หรือ “ธรรมชาติทั้งหมด” กำลังจะถึงจุดแตกหัก ผลพวงจากการลงคะแนนเสียงนี้ จะตัดสินว่า อาหาร
GMO จะต้องติดป้ายหรือไม่ ไม่เพียงแต่ในแคลิฟอร์เนีย
แต่จะครอบคลุมทั่วสหรัฐฯ และแคนาดาด้วย
ถึงเวลาแล้วที่พวกเรา ผู้ห่วงใยอนาคตอินทรีย์และความยั่งยืน จะออกมาสนับสนุนการลงคะแนนแคลิฟอร์เนีย
เบอร์ ๖ (ญัตติข้อ 37) กว่า 650 องค์กร
บริษัทอินทรีย์ และร้านขายปลีก ได้รับรองการรณรงค์นี้ แต่เราต้องการแรงสนับสนุนเพิ่มนับพัน
We need volunteers to help out - in California and nationwide. Please sign up
here if you are willing to approach the managers of the retail stores, CSA,
restaurants, or farmers market where you regularly buy your organic food and
ask them to join the more than 100 retail stores that have already publicly
endorsed Prop 37. Once your neighborhood health food store or co-op has
endorsed the campaign, you can get them further involved in distributing
campaign information and raising money. CA and our allies in this campaign to
pass Prop 37 have raised almost $4 million dollars so far, but Monsanto, the
Grocery Manufacturers, and the Farm Bureau will spend $20-40 million to defeat
Prop 37. Thank you to the 15,000 people
who have already made donations to OCA or the OCF for this campaign, but we
need to raise even more.
เราต้องการอาสาสมัคร—ในแคลิฟอร์เนีย และทั่วประเทศ โปรดลงชื่อที่นี่ หากคุณสนใจจะนำข่าวนี้ไปหาผู้จัดการร้านขายปลีก CSA, ร้านอาหาร/ภัตราคาร หรือตลาดชาวนา
ที่คุณซื้ออาหารอินทรีย์เป็นประจำ และขอให้พวกเขาร่วมสนับสนุน
พร้อมกับร้านขายปลีกกว่า 100 แห่ง ที่ได้ประกาศตัวรับรองญัตติข้อ 37 พอสหกรณ์/ร้านอาหารสุขภาพในย่าน
ได้รับรองการรณรงค์แล้ว คุณก็ชวนให้พวกเขากระจายข้อมูลการรณรงค์และระดมทุน สมาคมผู้บริโภคและพันธมิตรในการรณรงค์ให้ผ่านญัตติ
37 นี้ ระดมทุนได้เกือบ $4 ล้าน (๑๒๐ ล้านบาท) แต่มอนซานโต และอุตสาหกรรมของชำ
และสำนักเกษตร จะร่วมกันใช้เงิน $20-40 ล้าน (๖๐๐-๑,๒๐๐ ล้านบาท) ในการล้มญัตติ
37 ขอขอบคุณประชาชน 15,000 คน ที่ได้บริจาคเงินให้สมาคมผู้บริโภคผลิตภัณฑ์อินทรีย์
เพื่อการรณรงค์นี้ แต่เราต้องระดมทุนให้ได้มากกว่านี้
Restoring consumers' right to know, banning the industry
practice of marketing GMO-tainted foods as “natural,” and starting to drive
genetically engineered foods off supermarket shelves will not solve all of the
life and death issues that are currently staring us in the face: the climate
crisis, endless wars, economic depression, corporate control over government,
and the health crisis. But cutting Monsanto and the biotechnocrats down to size
and restoring consumer choice are good first steps toward sustainability and a
healthy food and farming system. Just as important, in political terms, by
defeating the Biotech Bullies and indentured politicians, we can begin to
restore the tattered self-confidence of the American body politic. A resounding
victory by the organic community in the California Prop 37 campaign will prove
to ourselves and the currently demoralized body politic that we can indeed take
back control over the institutions and public policies that determine our daily
lives. Now is the time to move forward. Support Prop 37, the California Right
to Know Genetically Engineered Foods Act. This is the food fight of our lives.
Please join and support us in this historic struggle.
การคืนสิทธิ์ของผู้บริโภคที่จะรู้
ห้ามอุตสาหกรรมขายอาหารปนเปื้อน GMO ว่าเป็น “ธรรมชาติ” และเริ่มกวาดไล่อาหารแปรพันธุกรรมออกจากชั้นหิ้งในซุปเปอร์มาร์เก็ต
จะไม่แก้ปัญหาความเป็นความตายที่กำลังจ้องหน้าพวกเราอยู่—วิกฤตภูมิอากาศ สงครามที่ไม่มีวันสิ้นสุด เศรษฐกิจถดถอย บริษัทครอบงำรัฐบาล และวิกฤตสุขภาพ
แต่การหั่นมอนซานโตและนักเทคนิคชีวภาพให้ลดขนาดลง
และฟื้นฟูให้ผู้บริโภคมีทางเลือก ดีพอที่จะเป็นก้าวแรกสู่ระบบเกษตรและอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ที่สำคัญพอๆ กันในเชิงการเมือง การเอาชนะอันธพาลไบโอเทค (เทคโนโลยีชีวภาพ)
และนักการเมืองทาส จะเป็นการเริ่มฟื้นฟูความเชื่อมั่นในตัวเอง
ของการเมืองอเมริกันที่ขาดรุ่งริ่ง
ชัยชนะของชุมชนอินทรีย์แคลิฟอร์เนีย ในการรณรงค์ ญัตติ 37 จะพิสูจน์ต่อพวกเราเอง และต่อการเมืองที่สิ้นหวังปัจจุบันว่า
พวกเราสามารถเอาคืนการบงการสถาบันและนโยบายสาธารณะที่ตัดสินวิถีชีวิตประจำวันของเรา ตอนนี้แหละที่เป็นเวลาเคลื่อนไปข้างหน้า สนับสนุนญัตติ 37 พรบ สิทธิของชาวแคลิฟอร์เนียที่จะรู้ว่าเป็นอาหารแปรพันธุกรรม
นี่เป็นการต่อสู้อาหารเพื่อชีวิตของพวกเรา โปรดเข้าร่วม
และสนับสนุนการดิ้นรนต่อสู้ประวัติศาสตร์ครั้งนี้
Ronnie Cummins is a veteran
activist, author, and organizer. He is the International Director of the
Organic Consumers Association and its Mexico affiliate, Via Organica.
http://www.organicconsumers.org; http://www.viaorganica.org
รอนนี คัมมินส์ เป็นนักกิจกรรมอาวุโส นักเขียน และนักจัดกระบวนองค์กร เขาเป็นผู้อำนวยการระหว่างประเทศของ
สมาคมผู้บริโภคผลิตภัณฑ์อินทรีย์ และเครือข่ายในเม็กซิโก Via Organica
Published on Thursday, August 2, 2012 by Common Dreams
ดรุณีแปล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น