221. Future of Humanity Depends on Our Action to
Slow Down, or Quicken Global Warming
In
'March Toward Disaster,' World Hits 400 PPM Milestone: Levels of atmospheric
CO2 have never been this high in human history; will 'rise in carbon be matched
by rise in climate activism'?
- Andrea Germanos, staff writer
ใน ‘เดินหน้าสู่หายนะ’, โลกได้ทะลุหลักไมล์ 400 ppm: ระดับ CO2 ในชั้นบรรยากาศ ที่ไม่เคยสูงเท่านี้ในประวัติศาสตร์มนุษย์; ‘ระดับเพิ่มในคาร์บอน’ จะถูกไล่ทันด้วย ‘ระดับเพิ่มในการรณรงค์ภูมิอากาศ’ ไหม?
-แอนเดรีย เยอร์มาโนส
ดรุณี
ตันติวิรมานนท์ แปล
We did it, and it's nothing to cheer
about. ทะลุแล้ว,
แต่ไม่มีอะไรน่าโห่ฉลอง.
The
world hit the "sobering milestone" of 400 parts per million (ppm) of
CO2 on Thursday—a first in human history—marking "a moment of symbolic
significance on road of idiocy" the world has chosen, as well as a call
for urgent climate action.
โลกได้ชน “หลักไมล์แห่งความเคร่งเครียด”
ของ ระดับ CO2 ทะลุ 400 ppm เมื่อวันพฤหัส—ครั้งแรกในประวัติศาสตร์มนุษย์—ประทับเครื่องหมาย
“ที่เป็นสัญลักษณ์ที่มีนัยสำคัญบนถนนแห่งความโง่เขลา” ที่ชาวโลกได้เลือก
ตลอดจนเป็นเสียงเพรียกให้ปฏิบัติการภูมิอากาศเร่งด่วน.
Reaching
this threshold level represents a global failure to address the runaway
greenhouse gas emissions; as Al Gore wrote today, it shows "we are reaping
the consequences of our recklessness."
การได้มาถึงธรณีประตูนี้
แสดงถึงความล้มเหลวของชาวโลก ในการแก้ไขปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่กู่ไม่กลับ; ดังที่ อัล กอร์ ได้เขียนในวันนี้, มันแสดงว่า “เรากำลังเก็บเกี่ยวผลกรรมจากความสะเพร่าของพวกเราเอง”.
Hitting
400 ppm "symbolizes that so far we have failed miserably in tackling this
problem,” Pieter P. Tans, who runs the monitoring program at the National
Oceanic and Atmospheric Administration, told the New York Times.
การทะลุเพดาน 400 ppm “เป็นสัญลักษณ์ว่า จนถึงบัดนี้ พวกเราได้ล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า
ในการยื้อยุดกับปัญหานี้”, ไพเตอร์ พี. ตานส์, ผู้ทำโครงการติดตามที่ สนง
บริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ, กล่าวต่อ นิวยอร์กไทมส์.
And
if you're experiencing a sense of doom that we've reached a level of CO2 the
Earth hasn't seen for at least three million years, you're not alone.
และหากคุณรู้สึกถึงความหายนะ
ที่เราได้บรรลุระดับ CO2
ที่พิภพโลกไม่เคยเห็นมากว่า สามล้านปีแล้ว, คุณไม่ได้โดดเดี่ยว.
“It
feels like the inevitable march toward disaster,” Maureen E. Raymo, a Columbia
University earth scientist, warned.
“ฉันรู้สึกเหมือนกับเดินหน้าสู่หายนะอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”,
มอร์รีน อี. เรย์โม, นักวิทยาศาสตร์ธรณีวิทยา มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย เตือน.
At
the Guardian, George Monbiot slams the 400 ppm mark as "a moment of
symbolic significance on road of idiocy." The problem is the overarching
power of fossil fuel companies, he writes.
ที่ การ์เดียน, ยอร์จ มอนบิออต ทุบโต๊ะกล่าวว่า
400
ppm เป็น “ห้วงเวลาแห่งสัญลักษณ์ที่มีนัยสำคัญ บนถนนแห่งความโง่เขลา”. ปัญหาคือ อำนาจมหาศาลของบริษัทเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์,
เขาเขียน.
The problem is simply stated: the power of the fossil fuel
companies is too great. Among those who seek and obtain high office are people
characterised by a complete absence of empathy or scruples, who will take money
or instructions from any corporation or billionaire who offers them, and then
defend those interests against the current and future prospects of humanity.
พูดง่ายๆ ปัญหาคือ : อำนาจของบริษัทเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ยิ่งใหญ่มากเกินไป. ในบรรดาผู้ที่ตะเกียกตะกายไต่เต้าให้ถึงตำแหน่งสูงๆ
เป็นผู้คนที่ไร้ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น หรือ หิริโอตัปปะอย่างสิ้นเชิง,
ผู้รับเงิน หรือ ใบสั่งจากบรรษัทใดๆ หรือ เศรษฐีพันล้านคนไหน ที่ยื่นให้,
แล้วก็ปกป้องผลประโยชน์ผู้อุปถัมภ์นั้นๆ ต่อต้าน
โอกาสของมนุษยชาติในปัจจุบันและอนาคต.
This new climate milestone reflects a profound failure of
politics, in which democracy has quietly been supplanted by plutocracy. Without
a widespread reform of campaign finance, lobbying and influence-peddling and
the systematic corruption they promote, our chances of preventing climate
breakdown are close to zero.
หลักไมล์ภูมิอากาศใหม่นี้
สะท้อนถึงความล้มเหลวอย่างลึกล้ำของการเมือง, ที่ซึ่งประชาธิปไตยได้ระบอบคนมีเงินแย่งชิงไปครองเงียบๆ. เมื่อปราศจากการปฏิรูปในการรณรงค์ด้านการเงินในวงกว้างและแพร่หลาย,
การล็อบบี้ และ อิทธิพลหยุมหยิม และ การทุจริตในกลไก-ระบบ ที่พวกเขาส่งเสริม, โอกาสของพวกเราที่จะสกัดกั้นไม่ให้ภูมิอากาศพังทลาย
เกือบศูนย์.
So here stands our political class at a waystation along the
road of idiocy, apparently determined only to complete the journey.
ดังนั้น ณ จุดนี้ ที่ชนชั้นการเมืองของเรายืนอยู่
เป็นสถานีระหว่างทาง บนถนนแห่งความโง่เขลา, เห็นชัดว่า
พวกเขามุ่งมั่นที่จะไปให้สุดทาง.
Climate
change movement 350.org, which has campaigned around 350 ppm being the safe
upper limit for atmospheric CO2, created a website to reflect on what this
alarming new milestone means, and how we can move forward.
ขบวนการภูมิอากาศผันผวน 350.org, ที่ได้รณรงค์รอบๆ 350 ppm ว่าเป็นเพดานจำกัดสำหรับ CO2 ในชั้นบรรยากาศ, ได้สร้างเว็บไซต์
เพื่อสะท้อนความหมายที่น่าตื่นตระหนกของหลักไมล์ใหม่นี้, และ
พวกเราจะเดินหน้าต่อไปได้อย่างไร.
On
the site, Payal Parekh, coordinator for Global Power Shift, calls "Crossing
the 400 ppm threshold [...] a somber reminder that we haven't taken the action
we need. Nevertheless there is good reason for hope—activists all across the
globe are fighting the fossil fuel industry and demanding clean, just and
affordable solutions to our energy needs."
ที่เว็บไซต์, ปายาล ปาริข,
ผู้ประสานงาน ขยับอำนาจโลก, เรียก “การก้าวข้ามธรณีประตู 400 ppm … เป็นคำเตือนที่มืดมนว่า พวกเรายังไม่ได้ปฏิบัติการที่จำเป็นต้องทำ. ถึงอย่างไร, ยังมีเหตุผลที่ดีที่จะหวัง—นักกิจกรรมทั้งหมดทั่วโลก
กำลังต่อสู้กับอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ และ
เรียกร้องให้หาคำตอบที่สะอาด, เป็นธรรม และ จ่ายไหว เพื่อตอบสนองต่อความต้องการด้านพลังงานของพวกเรา”.
Also
urging climate action is 350.org co-founder Bill McKibben, who writes that
"The only question now is whether the relentless rise in carbon can be
matched by a relentless rise in the activism necessary to stop it."
เสียงชักชวนให้ปฏิบัติการภูมิอากาศด้วย
คือ ผู้ร่วมก่อตั้ง 350.org
บิล แม็คกิบเบน, ผู้เขียนว่า “คำถามเดียวขณะนี้ คือ การพุ่งสูงอย่างรั้งไม่อยู่ของคาร์บอน
จะสามารถไล่ทันด้วย การเพิ่มมากขึ้นอย่างรฉุดไม่อยู่ของการรณรงค์/กิจกรรม
ที่จำเป็นเพื่อหยุดยั้งมัน”
If
we don't get off this fast-moving greenhouse gas train, Scripps geochemist
Ralph Keeling warned weeks ago, we're on track to "hit 450 ppm within a
few decades."
หากเราไม่กระโดดออกจากรถไฟก๊าซเรือนกระจกที่วิ่งฉิวนี้,
นักเคมีธรณีวิทยาของ Scripps
ราล์ฟ คีลิ่ง ได้เตือนหลายสัปดาห์ก่อน, เรากำลังอยู่ในรางรถไฟ “ชน 450
ppm ภายใน 20-30 ปี”.
This work is
licensed under a Creative Commons Attribution-Share Alike 3.0 License
Published on
Friday, May 10, 2013 by Common Dreams
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น