216.
Consumers’ Power to Decolonize Corporates’ Control and Pollution over Food
Chain of Humanity
Food
& Water Watch Sues FDA for Concealing Records on Arsenic in Poultry Feed
-Anna
Ghosh (Food & Water Watch), 415-293-9905,
aghosh@fwwatch.org
-Chris
Stevens (Center for a Livable Future), 410-502-7578,
dcsteven@jhsph.edu
กลุ่มเฝ้าระวังอาหารและน้ำ
ฟ้อง อย. ข้อหาปกปิดบันทึกเรื่อง สารหนูในอาหารสัตว์ปีก
-แอนนา โฆษ และ คริส สตีเวน
ดรุณี
ตันติวิรมานนท์ แปล
WASHINGTON
- May 13 - Today the consumer advocacy group Food &
Water Watch announced that it sued the Food and Drug Administration (FDA),
saying that the agency has unlawfully ignored a Freedom of Information Act
(FOIA) request for records related to arsenic-based drugs known as “arsenicals”
that are added to poultry feed.
วันนี้ กลุ่มผู้บริโภค
เฝ้าระวังอาหารและน้ำ ประกาศว่า ได้ยื่นฟ้อง อย. บอกว่า หน่วยงานได้เมินเฉยต่อ พรบ
เสรีภาพด้านข้อมูล (FOIA) ในการขอบันทึกเกี่ยวกับยาที่มีส่วนประกอบของสารหนู ที่เรียกว่า “arsenicals” ที่เติมใส่อาหารสัตว์ปีก.
The
lawsuit follows on the heels of a new study led by scientists at the Johns
Hopkins Center for a Livable Future (CLF), which found that feeding arsenicals
to chickens likely increases consumers’ exposure to inorganic arsenic, a
carcinogen.
คดีนี้ตามหลังการศึกษาชิ้นใหม่
ที่นำโดยนักวิทยาศาสตร์ ณ ศูนย์ จอห์น ฮ็อปกิ้น เพื่ออนาคตที่ดำรงชีวิตอยู่ได้ (CLF), ซึ่งพบว่า การป้อนไก่ด้วย arsenicals
จะทำให้ผู้บริโภคมีโอกาสสัมผัส แร่ธาตุสารหนูในรูปอนินทรีย์,
ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง.
Food
& Water Watch alleges that the agency has not responded to a FOIA request
that it and CLF submitted last year. The organizations are seeking
correspondence between the agency and the drug company Pfizer concerning arsenicals.
กลุ่มเฝ้าระวังอาหารและน้ำ
ได้ตั้งข้อหาว่า หน่วยงานไม่ได้ขานรับคำร้องของ FOIA ที่กลุ่มตน
และ CLF ได้ยื่นเมื่อปีกลาย. องค์กรเหล่านี้ กำลังหาทางติดต่อระหว่าง อย.
และ บริษัท Pfizer เกี่ยวกับ arsenicals.
“It
is simply outrageous that the FDA has concealed information about these drugs
from the public,” said Wenonah Hauter, executive director of Food & Water
Watch. “We want to know more about why the agency has failed to withdraw
arsenical approvals despite evidence of their danger.”
“มันน่าโมโหมากที่ อย.
ปิดบังข้อมูลเกี่ยวกับยาเหล่านี้จากสาธารณชน”, เวโนนาห์ เฮาเตอร์, ผอ บริหารของ
กลุ่มเฝ้าระวังฯ กล่าว.
“เราต้องการรู้มากกว่านี้ว่า ทำไม อย. ถึงไม่ได้ถอนใบอนุญาต arsenical ทั้งๆ ที่มีหลักฐานถึงอันตรายของมัน”.
Beginning
in 1944, the FDA approved more than 100
products that contain arsenicals for use in chickens, turkeys, and pigs to
increase weight gain and make the animals’ meat look pinker, among other
purposes. Their use quickly became a standard practice in industrial chicken
production, with the chicken industry estimating that 88
percent of U.S. chickens received an arsenical known as roxarsone in 2010.
เริ่มต้นในปี 1994 (2537), อย. ได้อนุมัติกว่า 100 ผลิตภัณฑ์ ที่มีสาร อาร์เซนิคอล
สำหรับใช้ในไก่, ไก่งวง, และหมู เพื่อเพิ่มน้ำหนัก และ ทำให้เนื้อสัตว์มีสีชมพูมากขึ้น,
เป็นต้น. การใช้สารนี้
ได้กลายเป็นมาตรฐานในอุตสาหกรรมการผลิตไก่, อุตสาหกรรมไก่ ได้ประเมินว่า 88% ของไก่สหรัฐฯ ได้รับสาร อาร์เซนิคอล ที่รู้จักกันในนามของ roxarsone
ในปี 2010.
In
2011, FDA scientists found that feeding roxarsone to
chickens increased concentrations of inorganic arsenic in chicken livers. The
agency simultaneously announced that Pfizer would voluntarily suspend sales of
roxarsone in this country. The FDA did not take any further action publicly,
however, and roxarsone and three other arsenicals remain approved for use.
Pfizer may return roxarsone to the U.S. market at any time.
ในปี 2011, นักวิทยาศาสตร์ อย. พบว่า การป้อน roxarsone (โรซาโซน)
แก่ไก่ ได้เพิ่มความเข้มข้นของ ธาตุสารหนูในรูปอนินทรีย์ ในตับไก่. หน่วยงานได้ประกาศต่อมาว่า บริษัท Pfizer จะระงับการขายสาร roxarsone (โรซาโซน) ในสหรัฐฯ
ด้วยความสมัครใจเอง. แต่ อย.
ไม่ได้ปฏิบัติการสาธารณะใดจากนั้น, และ โรซาโซน กับ อาร์เซนิคอล อีกสองรายการ
ก็ยังได้รับอนุมัติจาก อย. ให้ใช้อยู่ได้.
Pfizer อาจหวนกลับมาขาย โรซาโซนในตลาดสหรัฐฯ
เมื่อไรก็ได้.
The
FDA at first insisted that eating chicken produced with roxarsone did not pose
a health risk; then the agency reversed course and claimed the risk was “very
low.” When CLF asked the FDA whether it had quantified the health risk, the
agency said that it had not.
ตอนแรก อย. ยืนยันว่า
การกินไก่ที่ผลิตด้วย โรซาโซน ไม่มีผลเสี่ยงต่อสุขภาพ; และแล้ว หน่วยงานก็กลับลำ อ้างว่า ความเสี่ยง “น้อยมาก”. เมื่อ CLF ถาม อย. ว่า
ได้ประเมินความเสี่ยงในเชิงปริมาณหรือไม่, อย. ปฏิเสธ.
The
organizations submitted the FOIA request in August 2012
due to these inconsistent actions and statements. The agency never responded beyond
acknowledging that they had received the request.
องค์กรเหล่านี้
จึงได้ยื่นคำร้องตาม พรบ เสรีภาพข้อมูล เมื่อเดือนสิงหาคม 2012 อันเนื่องมาจากถ้อยแถลงและปฏิบัติการที่ไม่สม่ำเสมอของ อย. หน่วยงานไม่เคยตอบสนองมากกว่าเพียงบอกว่า
ได้รับคำร้องแล้ว.
“We
want to know what the FDA and Pfizer were telling each other privately to see
if it matches what the agency told consumers,” Hauter said. “It is hard to
imagine how the FDA persuaded Pfizer to suspend sale of such a lucrative
product if the agency did not believe there could be a significant risk.”
“เราต้องการรู้ว่า อย. และ
บริษัท Pfizer
พูดอะไรต่อกันในที่ส่วนตัว เพื่อจะดูว่า มันตรงกับที่ อย.
บอกกับผู้บริโภคหรือไม่”, เฮาเตอร์กล่าว.
“มันยากที่จะจินตนาการว่า อย. จะโน้มน้าวให้ Pfizer
ระงับการขาย สินค้าที่ทำกำไรสูง ได้อย่างไร หาก อย. เองไม่เชื่อว่า มีความเสี่ยงที่มีนัยสำคัญ”.
The
CLF study published May 11, 2013, in
the peer-reviewed journal Environmental Health Perspectives found that breast
meat from conventionally produced chickens, which by law may receive arsenicals
in their feed, had three times more inorganic arsenic than did the breast meat
of USDA Organic chickens, which by law may not receive arsenicals. The chicken
was purchased between December 2010 and June 2011, before roxarsone sales were suspended.
งานศึกษาของ CLF ตีพิมพ์เมื่อ 11 พค 2013, ในวารสารที่ผ่านการทบทวนโดยเพื่อนร่วมวงการ
ชื่อ มุมมองสุขภาพเชิงสิ่งแวดล้อม พบว่า
เนื้ออกจากไก่ที่ผลิตด้วยกรรมวิธีกระแสหลัก, ที่ตามกฎหมาย อาจได้รับสาร
อาร์เซนิคอล ในอาหารสัตว์, มีสารอนินทรีย์สารหนู/อาร์เซนิค มากกว่า
เนื้ออกของไก่อินทรีย์รับรองโดยกระทรวงเกษตร สหรัฐฯ (ซึ่งตามกฎหมาย
ไม่ควรได้รับสารอาร์เซนิคอล) ถึง 3 เท่า. ไก่ซื้อในระหว่างเดือนธันวาคม 2010 และ มิถุนายน 2011, ก่อนที่ การขาย โรซาร์โซน
จะถูกระงับชั่วคราว.
“This
study strongly suggests that using arsenicals in chickens increases the levels
of a carcinogen found in chicken meat,” said Keeve Nachman, PhD, who directs
the Farming for the Future program at CLF. “These findings highlight the need
to know how the FDA is regulating these drugs, and why the agency has refused
to withdraw arsenical approvals.”
“งานศึกษานี้
ชี้แนะอย่างแข็งขันว่า การใช้สารอาร์เซนิคอล ในไก่
เพิ่มระดับสารก่อมะเร็งที่พบในเนื้อไก่”, คีฟ นัชแมน กล่าว,
ผู้อำนวยการทำฟาร์มในโครงการเพื่ออนาคต ที่ CLF.
“การค้นพบเหล่านี้ ชูให้เห็นถึงความจำเป็นต้องรู้ว่า อย.
ควบคุมยา/สารเหล่านี้อย่างไร, และ ทำไม หน่วยงานจึงปฏิเสธที่จะถอนใบอนุญาตขาย
สารอาร์เซนิคอล”.
The
FDA has 30 days to respond to the complaint.
อย. มีเวลา 30 วันในการตอบสนองคำร้องทุกข์นี้.
CLF’s
study, Roxarsone, Inorganic Arsenic, and Other Arsenic Species in Chicken, can
be viewed in Environmental Health Perspectives here: http://fwwat.ch/YPLnBP.
ผลการศึกษาของ CLF, โรซาร์โซน, อนินทรีย์สารหนู, และ สายพันธุ์สารหนู (อาร์เซนิค) ต่างๆ
ในไก่, หาอ่านได้ใน Environmental Health Perspectives :
http://fwwat.ch/YPLnBP.
Food
& Water Watch works to ensure the food, water and fish we consume is safe,
accessible and sustainable. So we can all enjoy and trust in what we eat and
drink, we help people take charge of where their food comes from, keep clean,
affordable, public tap water flowing freely to our homes, protect the
environmental quality of oceans, force government to do its job protecting
citizens, and educate about the importance of keeping shared resources under
public control.
กลุ่มเฝ้าระวังอาหารและน้ำ
ทำงานเพื่อให้มั่นใจว่า อาหาร, น้ำ และ ปลา ที่เรากิน ปลอดภัย, เข้าถึงได้ และ
ยั่งยืน.
เพื่อพวกเราจะได้เพลิดเพลินและเชื่อถือในสิ่งที่เรากินและดื่มได้,
เราช่วยประชาชนให้ลุกขึ้นมาดูแลแหล่งที่มาของอาหารของตน,
ให้มีน้ำประปาสาธารณะที่สะอาด, จ่ายไหว, ให้ไหลสู่บ้านของพวกเราอย่างต่อเนื่อง,
ปกป้องคุณภาพเชิงสิ่งแวดล้อมของมหาสมุทร,
ผลักดันให้รัฐบาลทำงานตามหน้าที่ในการปกป้องคุ้มครองพลเมือง, และ
ให้การศึกษาเกี่ยวกับความสำคัญของการแบ่งปันทรัพยากร ภายใต้การควบคุมของสาธารณะ.
The
Johns Hopkins Center for a Livable Future is an academic center based within
the Bloomberg School of Public Health that conducts and promotes research and
communicates information about the complex inter-relationships among food
production, diet, environment and human health.
ศูนย์ จอห์น ฮ็อบกิ้น
เพื่ออนาคตที่ดำรงชีพได้ เป็นศูนย์อุดมศึกษา มีฐานอยู่ใน Bloomberg
School of Public Health ที่ทำงานและส่งเสริมการวิจัยและสื่อกระจายข้อมูลเกี่ยวกับความสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่างการผลิตอาหาร,
โภชนาการ, สิ่งแวดล้อม และ สุขภาพมนุษย์.
###
Food & Water Watch is a nonprofit consumer
organization that works to ensure clean water and safe food. We challenge the
corporate control and abuse of our food and water resources by empowering
people to take action and by transforming the public consciousness about what
we eat and drink.
กลุ่มเฝ้าระวังอาหารและน้ำ
เป็นองค์กรผู้บริโภคที่ไม่แสวงกำไร ที่ทำงานเพื่อสร้างหลักประกันน้ำสะอาด และ
อาหารปลอดภัย.
เราท้าทายอำนาจควบคุมของบรรษัท ที่ข่มเหงรังแกแหล่งอาหารและน้ำของเรา
ด้วยการสร้างอำนาจต่อรองให้แก่ประชาชน ให้ลุกขึ้นปฏิบัติการ และ ด้วยการพลิกจิตสำนึกสาธารณะเกี่ยวกับสิ่งที่เรากินและดื่ม.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น