283.
Disarm Enemy’s Weapon in Our Own Heads
Cynicism is Corporate America’s
Greatest Weapon: Disarm It
การเยาะเย้ยถากถาง
เป็นอาวุธที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของบรรษัทอเมริกัน: ปลดมันเสีย
-ริชาร์ด
เอสโคว
September’s coming up fast, and we
know what that means. Soon Congress will be back in session and we’ll be
inundated with fresh evidence that our democracy is broken. That makes this a
good time to reflect on the powerful forces arrayed against the public interest
– and to remind ourselves that they can still lose.
เดือนกันยายนกำลังจะมาถึงอย่างรวดเร็ว, และ
เรารู้ว่ามันหมายถึงอะไร. อีกไม่นาน
สภาคองเกรสจะกลับเข้าวาระอีก และ พวกเราก็จะท่วมท้นไปด้วยหลักฐานใหม่สดว่า
ประชาธิปไตยของเราถังแตก.
นั่นทำให้ตอนนี้เป็นเวลาเพื่อการไตร่ตรองถึงกระแสพลังทรงอำนาจที่เรียงรายต่อต้านประโยชน์สาธารณะ—และเพื่อเตือนพวกเราเองว่า
พวกเขายังพ่ายแพ้ได้.
(Photo:
Campaign for America's Future)
If you’re a citizen who’s willing to
take action, you have more power than you realize. As the 50th
anniversary of the March on Washington approaches, it’s a good time to remember
that, too.
หากคุณเป็นพลเมืองผู้ยินดีที่จะปฏิบัติการ,
คุณมีอำนาจมากกว่าที่คุณตระหนัก. ในขณะที่
วาระการครบรอบ ๕๐ ปีของการเดินขบวนสู่วอชิงตันใกล้เข้ามา,
เป็นเวลาดีที่จะรำลึกถึงเหตุการณ์นั้นด้วย.
Granted, my perspective may be a
little skewed. I spent several years of my professional life working primarily
behind the Iron Curtain – before, during, and after the fall of European
Communism. That experience, for someone interested in economics, was something
like what an astronomer might feel at the birth of a star. And for anyone
who believes in political activism, it was inspiring and enlightening. In
a few short months the impossible became the imaginable, the imaginable became
an opportunity, and an opportunity was turned into the event that transformed
the world.
ขอยอมรับว่า มุมมองของผมอาจบิดเบี้ยวเล็กน้อย. ผมได้ใช้เวลาหลายปีในวิชาชีพของผมทำงานหลังม่านเหล็กเป็นปฐม—ก่อน,
ระหว่าง, และหลังการล่มสลายของคอมมิวนิสต์ยุโรป.
ประสบการณ์นั้น, สำหรับคนที่สนใจในด้านเศรษฐกิจ,
เป็นบางอย่างที่นักดาราศาสตร์อาจรู้สึกตอนกำเนิดดวงดาวดวงหนึ่ง. และสำหรับคนที่เชื่อในกิจกรรมรณรงค์ทางการเมือง,
มันเป็นเรื่องบันดาลใจและเรืองปัญญา.
ในเวลาสั้นๆ สองสามเดือนนี้ สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ได้กลายเป็นสิ่งที่จินตนาการได้,
สิ่งที่จินตนาการได้ ได้กลายเป็นโอกาสหนึ่ง, และ โอกาสหนึ่ง
ถูกผันให้เป็นเหตุการณ์ที่พลิกโฉมโลก.
The cynical view says that there
were hidden forces behind that transformation. And it’s true: when it comes to
the course of world events, the unseen is often far more significant than the
seen. But who knows what we’re not seeing right now? How will we know how broad
our horizons of opportunity are today unless we test them?
มุมมองแบบเยาะเย้ยถากถาง บอกว่า
มีพลังเบื้องหลังการแปรเปลี่ยนพลิกโฉมนั้น.
และก็เป็นจริง: เมื่อมันมาถึงหนทางของเหตุการณ์โลก,
สิ่งที่มองไม่เห็นมักจะมีนัยสำคัญมากกว่าสิ่งที่เห็นได้. แต่ใครจะรู้ว่าเรายังไม่ได้เห็นอะไรตอนนี้? เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ฟากฟ้าแห่งโอกาสของเรากว้างขวางแค่ไหนทุกวันนี้
หากเราไม่ได้ทดสอบมัน?
It’s easy to retreat into the
idleness of the cynic, to become the kind of person essayist Sydney J. Harris
once described as “prematurely disappointed in the future.” It’s easy – and
it’s a mistake.
มันง่ายที่จะล่นถอยเข้าสู่ความนิ่งดูดายของนักเยาะเย้ยถากถาง,
กลายเป็นคนแบบที่นักเขียน ซิดนีย์ เจ. แฮร์ริส บรรยายไว้ครั้งหนึ่งว่าเป็น “ความผิดหวังก่อนเวลาในอนาคต”. มันง่าย—และมันเป็นความผิดพลาด.
That’s not to deny the deep
corruption in our system, or negate all we’ve learned about the hijacking of
democracy and the loss of personal liberties.
A small cadre (less than 0.01 percent of the population) contributed more than
$1.6 billion to political campaigns last year (per the Sunlight Foundation),
and probably provided the lion’s share of $350 million in campaign “dark money”
as well. A mere six corporations control 90 percent of this nation’s
media, leading to a frightening uniformity in the misinformation the public
receives on everything from the social safety net to national security.
อันนั้น ไม่ใช่เป็นการปฏิเสธว่ามีการทุจริตอย่างลึกซึ้งในระบบของเรา,
หรือปฏิเสธเรื่องทั้งหมดที่เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับการจี้ปล้นประชาธิปไตย และ
การสูญเสียเสรีภาพส่วนบุคคล. กลุ่มคนเล็กๆ
(น้อยกว่า 0.01% ของประชากร) บริจาคเงินกว่า $1.6 พันล้าน ให้กับการรณรงค์ทางการเมืองปีที่แล้ว (โดย มูลนิธิซันไลท์),
และอาจจ่ายส่วนแบ่งมหึมา $350 ล้าน ให้กับการรณรงค์
“เงินมืด” เช่นกัน. เพียงหกบรรษัท ควบคุม
90% ของสื่อแห่งชาติ, นำไปสู่รูปแบบเดียวกันหมดอย่างน่ากลัว ของการให้ข้อมูลผิดๆ
ต่อสาธารณชนในทุกเรื่องตั้งแต่ ประกันสังคม จนถึง ความมั่นคงแห่งชาติ.
We’re not saying the situation isn’t
dire. We’re saying we’ve overcome dire situations before. The forces
arrayed against the public’s interests are frightening. But it’s worth
reminding ourselves: They’re frightened of us, too.
เราไม่ได้บอกว่า สถานการณ์ไม่ร้ายกาจ. เรากำลังบอกว่า พวกเราได้ข้ามพ้นสถานการณ์ที่ร้ายกาจมาก่อน. กระแสพลังที่เรียงรายตรงข้ามกับประโยชน์สาธารณะน่ากลัวนัก. แต่ก็มีค่าพอที่จะเตือนพวกเราเองว่า: พวกเขา ก็กลัว พวกเรา, เช่นกัน.
That was reinforced by remarks
Robert Johnson recently made in a video conversation
with Dr. Cornel West. Johnson, an economist who leads the Institute
for New Economic Thinking,
described a recent meeting with some very senior Wall Street bankers who were
well aware of the public’s hostility toward them. Added Johnson: “They are
scared.”
อันนั้นถูกตอกย้ำเมื่อเร็วๆ นี้ โดยความเห็นของ รอเบิร์ต
จอห์นสัน ที่กล่าวในวีดีโอ สนทนากับ ดร.คอร์เนล เวสต์. จอห์นสัน, นักเศรษฐศาสตร์ ผู้นำของสถาบันแนวคิดเศรษฐกิจใหม่,
ได้บรรยายในการประชุมเมื่อเร็วๆ นี้ กับนายธนาคารวอลล์สตรีทที่อาวุโสมากๆ บางคน
ผู้รู้อยู่เต็มอกถึงความกราดเกรี้ยวของสาธารณชนต่อพวกเขา. จอห์นสันเสริมว่า: “พวกเขาตกตื่น”.
Anyone who doubts that should read this report
from DBA Press and the Center for Media and Democracy on the use of the
national security apparatus to suppress the Occupy movement. The Department of
Homeland Security created a number of anti-terror “fusion centers” around the
country to integrate the Federal government’s various law enforcement and
intelligence services. The DBA/CMD report details the misuse of one such
fusion center in Arizona, in collaboration with security officers at JPMorgan
Chase, to forestall public demonstrations against Chase CEO Jamie Dimon.
คนที่สงสัยเรื่องนี้ ควรอ่านรายงานชิ้นนี้ จาก DBA Press และ ศูนย์สื่อและประชาธิปไตย (CMD)
เรื่องการใช้เครื่องมือความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อปราบปราม ขบวนการยึดพื้นที่. กระทรวงความมั่นคงของถิ่นบ้านเกิด ได้สร้าง
“ศูนย์ฟิวชั่น” เพื่อต่อต้านการก่อการร้ายมากมาย ทั่วประเทศ เพื่อผสมผสานกลไกการบังคับใช้กฎหมายและการบริการเชิงข่าวกรองต่างๆ
ของรัฐบาลกลาง. รายงาน DBA/CMD ให้รายละเอียดของการใช้ ศูนย์ฟิวชั่นแห่งหนึ่งในอริโซนา
ในทางที่ผิด, ด้วยการร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ รปภ ที่ เจ.พี.มอร์แกน เชส,
เพื่อดักหน้าการประท้วงของสาธารณชนที่ต่อต้าน ซีอีโอของเชส เจมี ดิมอน.
The report suggests that our
national security system’s definition of “terrorism” has become so broad that
it apparently now includes lawful and peaceful protests by citizens exercising
their constitutional freedoms of speech and assembly. That seems like a sign of
totalitarian behavior.
รายงานแนะนำว่า คำนิยาม “ก่อการร้าย”
ของระบบความมั่นคงแห่งชาติของเรา ได้ขยายกว้างมากจนตอนนี้
มันรวมถึงการประท้วงที่ถูกกฎหมายและสันติโดยพลเมือง
ที่ใช้สิทธิที่รัฐธรรมนูญรับรองในเสรีภาพของการพูดและการรวมตัว.
นั่นดูเหมือนเป็นเครื่องหมายของพฤติกรรมเผด็จการ.
But it’s also a sign of fear.
แต่มันก็เป็นเครื่องหมายของความหวาดกลัวด้วย.
Remember, the Occupy movement
transformed the political landscape in just a few short months, shifting our
national conversation from deficits to economic justice. Suddenly the president
and his party were on fire with populist rhetoric, a move which may have
ensured their electoral victory in 2012.
จำได้ไหม,
การขับเคลื่อนยึดพื้นที่ได้พลิกโฉมภูมิทัศน์การเมืองในเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่เดือน,
ด้วยการขยับการสนทนาแห่งชาติของเรา จาก การขาดดุล สู่ ความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ. ในบัดดล
ประธานาธิบดีและพรรคของเขาก็พ่นเป็นไฟด้วยวาทกรรมประชานิยม,
การขยับก้าวซึ่งอาจหมายถึงทำให้มั่นใจว่าจะชนะการเลือกตั้งในปี ๒๕๕๕.
That demonstrated the power of
mobilized citizens.
นั่นสาธิตให้เห็นถึงอำนาจของพลเมืองที่ถูกขับเคลื่อน.
Earlier in the Obama Presidency,
citizens flooded the White House and Congress with calls and emails objecting
to Social Security cuts. Reports (later confirmed)
had said that the President planned to announce Social Security cuts in his
2011 State of the Union message, but popular resistance put an end to that
plan. So did interventions from unions and other groups representing the
public.
That was a demonstration of citizen
power, too.
ในช่วงต้นของการเป็นประธานิบดีของโอบามา,
พลเมืองได้ท่วมท้นทำเนียบขาวและสภาคองเกรสด้วยการโทรศัพท์ และ อีเมล
คัดค้านการเฉือนงบประชาสังคม. รายงาน
(ได้รับการยืนยันภายหลัง) ได้กล่าวว่า ประธานาธิบดีได้วางแผนประกาศการตัดงบประกันสังคมในสุนทรพจน์สหรัฐ
ปี ๒๕๕๔, แต่แรงต่อต้านของประชาชน ได้ยุติแผนนั้น. เช่นเดียวกันกับแรงกดดันจากสหภาพและกลุ่มอื่นๆ
ที่เป็นตัวแทนของสาธารณชน.
นั่นเป็นการแสดงออกถึงพลังพลเมืองด้วย.
Popular support for this nation’s
independence was forged with demonstrations from the Boston Tea Party onward. Demonstrations gave rise
to the labor movement – and to the minimum wage, the forty-hour work week, and
workplace safety laws. The Bonus Army’s Washington D.C. tent cities moved
public opinion, and even helped inspire a
strange Hollywood movie.
They may have changed the outcome of the 1932 election and given us the
Presidency of Franklin D. Roosevelt.
แรงสนับสนุนจากประชาชนเพื่อเอกราชของประเทศนี้ ได้ถูกระดมด้วยวิธีการประท้วงตั้งแต่
เมื่อครั้งบอสตันทีปาร์ตี้ เป็นต้นมา.
การประท้วงได้ก่อให้เกิดขบวนการแรงงานด้วย—และการเรียกร้องกฎหมายรับรองค่าแรงขั้นต่ำ,
การทำงาน ๔๐ ชม/สัปดาห์, และความปลอดภัยในที่ทำงาน. เมืองเต็นท์ในวอชิงตัน ดี.ซี. ของ กองทัพโบนัส
ได้ขับเคลื่อนความเห็นของสาธารณชน, และ รวมทั้งเป็นแรงบันดาลใจของภาพยนตร์ฮอลลีวูดที่ประหลาด. พวกเขาอาจได้เปลี่ยนผลลัพธ์ของการเลือกตั้งในปี
๒๔๗๕ และ ทำให้เรามี แฟรงกลิน ดี.รูสเวลต์ เป็นประธานาธิบดี.
Pioneering feminist demonstrators,
belittled by cheap entertainers in the 1960s, proved to be the leading edge of
a transformative movement which altered our public and private lives. The
Stonewall “riots” of 1969 signaled the start of a gay rights movement that has
profoundly affected both our culture and our politics. (A majority of Americans
supports gay marriage, according to polls, up
from 27 percent less than twenty years ago.)
ผู้บุกเบิกนักประท้วงสตรีนิยม, ที่ถูกดูหมิ่นโดยนักแสดงห่วยๆ
ในทศวรรษ ๒๕๐๓-, ได้พิสูจน์ว่าเป็นแนวหน้าชั้นนำในขบวนการพลิกโฉม
ที่แปรเปลี่ยนชีวิตสาธารณะและส่วนตัวของพวกเรา.
“จลาจล” สโตนวอลล์ ในปี ๒๕๑๒ เป็นสัญญาณเริ่มต้นของขบวนการสิทธิเกย์
ที่ได้ส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อวัฒนธรรมและการเมืองของเรา. (ชาวอเมริกันส่วนใหญ่สนับสนุนการแต่งงานของเกย์,
ตามสุ่มความเห็น, ตั้งแต่ 27% เมื่อเกือบ ๒๐ ปีที่แล้ว.)
Each of these dramatic outcomes was
made possible by committed citizen-activists.
แต่ละผลพวงที่ตื่นตาตื่นใจเหล่านี้ เป็นไปได้
เพราะนักกิจกรรมพลเมืองที่มุ่งมั่น.
That’s why they’re frightened.
That’s why they deployed the national security apparatus against the Occupy
movement. That’s why they’re taking draconian steps against North Carolina’s Moral Monday
movement.
นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาหวาดกลัว.
นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาใช้เครื่องมือความมั่นคงแห่งชาติเพื่อต่อต้านขบวนการยึดพื้นที่. นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาใช้เล่ห์เหลี่ยมต่อต้านขบวนการวันจันทร์แห่งจริยธรรม
ของรัฐนอร์ทแครอไลนา.
Sometimes it begins with a
demonstration, sometimes just with phone calls or emails to an elected
official. But from the Triangle Shirtwaist marches to Hoovervilles, from
women’s rights marches to civil rights sit-ins, progress has always begun with
a handful of determined citizens. As Fall brings us the resumption of
Washington’s “Grand Bargain” talks, will you be one of the them?
บางที มันเริ่มต้นจากการประท้วงหนึ่ง, บางที เป็นเพียงการโทรศัพท์หรืออีเมลให้
สส/สว ที่ถูกเลือกเข้าไป.
แต่จากการเดินขบวน Triangle Shirtwaist
ถึง ฮูเวอร์วิลล์ส, จากการเดินขบวนสิทธิสตรี ถึง การนั่งประท้วงเรียกร้องสิทธิพลเรือน
(แยกผิว), ความก้าวหน้าเริ่มต้นด้วยพลเมืองที่มุ่งมั่นเพียงหยิบมือเดียว. ในขณะที่ฤดูใบไม่ร่วง นำการเจรจา “ต่อรองครั้งมโหฬาร”
ของวอชิงตันกลับมาอีกครั้ง, คุณจะเป็นหนึ่งในพวกเขาไหม?
It’s true that cynicism is still an
option. But, as Henry Ward Beecher said, the cynic “is the human owl,
vigilant in darkness and blind to light, mousing for vermin, and never seeing
noble game.”
เป็นความจริงที่การเยาะเย้ยถากถางยังเป็นทางเลือกหนึ่ง. แต่, ดังที่ เฮนรี วอร์ด บีเชอร์ กล่าว, นักเยาะเย้ยถากถาง
“เป็นนกฮูกมนุษย์, ระวังระไวในความมืด และ ตาบอดในความสว่าง,
คอยฉกกินสัตว์ที่เป็นศัตรูพืช, และไม่เคยมองเห็นเกมที่ประเสริฐกว่านั้น.”
Beecher knew something about
fighting cynicism. He was the New England clergyman who backed causes so
hopeless he was mocked for supporting them, causes like the abolition of
slavery or giving women the right to vote.
บีเชอร์ รู้บางอย่างเกี่ยวกับการต่อสู้กับลัทธิเยาะเย้ยถากถาง.
เขาเป็นพระสอนศาสนาที่สนับสนุนมูลเหตุการต่อสู้ต่างๆ
ไม่ว่าจะดูเหมือนสิ้นหวังแค่ไหน จนเขาถูกเยาะเย้ย ล้อเลียนที่เพียรสนับสนุน,
มูลเหตุ เช่น การเลิกทาส หรือ การให้ผู้หญิงมีสิทธิลงคะแนนเสียง.
They want you to think things are
hopeless. “A true revolution of values,” said Dr. King, “will soon look
uneasily on the
glaring contrast of poverty and wealth.” Today that contrast is greater than at
any time in modern history. But history shows us that pessimism and
cynicism are fatal – and unforced – errors. They’re also betrayals of our
duty: to future generations, to our fellow human beings, and to ourselves.
พวกเขาต้องการให้คุณคิดว่า สิ่งต่างๆ ล้วนสิ้นหวัง. “การปฏิวัติค่านิยมที่แท้จริง”, ดร.คิง กล่าว, “ไม่นานจะรู้สึกไม่สบายเมื่อเห็นความแตกต่างอย่างโจ่งแจ้งระหว่างความยากจนและความมั่งคั่ง”. ทุกวันนี้ ความแตกต่างนั้น
ยิ่งใหญ่กว่าครั้งไหนๆ ในประวัติศาสตร์สมัยใหม่.
แต่ประวัติศาสตร์ก็ได้แสดงให้เราเห็นว่า การมองโลกในแง่ร้าย และ
การเยาะเย้ยถากถาง เป็นความผิดพลาดถึงตาย—และไม่มีใครบังคับ. พวกมันเป็นผู้ทรยศต่อหน้าที่ของเรา: ต่ออนุชนในอนาคต, ต่อเพื่อนมนุษย์, และต่อตัวเราเอง.
“Cynicism,” said Norman Cousins, “is
intellectual treason.”
“การเยาะเย้ย ถากถาง”, นอร์แมน คัสซินส์ กล่าว, “เป็นทรยศทางปัญญา”.
They were afraid of Occupy. They’re
afraid of you. That’s because citizens have more power than we think.
Their greatest weapon, the one weapon that’s even more powerful than a corrupt
political process or a blinder-wearing, misleading media, is our own cynicism.
We need to disarm it before it disarms us.
พวกเขาหวาดกลัวการยึดพื้นที่.
พวกเขาหวาดกลัว คุณ.
นั่นเพราะ พลเมืองมีอำนาจมากกว่าที่เราคิด. อาวุธที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขา, อาวุธชุดหนึ่งที่มีอำนาจมากกว่ากระบวนการทุจริตทางการเมือง
หรือ สื่อที่ปิดหูปิดตา และให้ข้อมูลบิดเบือน, คือ การนิยมเยาะเย้ย ถากถางของเราเอง. เราจำเป็นต้องปลดมันออกก่อนที่มันจะปลดอาวุธเรา.
A mobilized public can change the
world at any moment. Those who oppose your cause know that.
สาธารณชนที่ถูกขับเคลื่อน สามารถเปลี่ยนโลกเมื่อไรก็ได้. พวกที่อยู่ตรงข้ามกับมูลเหตุการต่อสู้ของคุณรู้ดี.
Do you?
คุณล่ะรู้ไหม?
Copyright
2013 Campaign for America's Future
Richard (RJ) Eskow is a well-known
blogger and writer, a
former Wall Street executive, an experienced consultant, and a former musician.
He has experience in health insurance and economics, occupational health,
benefits, risk management, finance, and information technology. Richard has
consulting experience in the US and over 20 countries.
ริชาร์ด
เอสโคว เป็นนักเขียนบล็อกและนักเขียนที่รู้จักกันดี, เป็นอดีตนักบริหารวอลล์สตรีท,
เป็นที่ปรึกษาที่มากประสบการณ์, และอดีตนักดนตรี. เขามีประสบการณ์ในงานการประกันสุขภาพและเศรษฐศาสตร์,
อาชีวะอนามัย, ผลประโยชน์, การจัดการความเสี่ยง, การเงิน, และเทคโนโลยีสารสนเทศ. ริชาร์ด มีประสบการณ์เป็นที่ปรึกษาในสหรัฐฯ
และในกว่า ๒๐ ประเทศ.
And yet now, those of us who see
that a coalition of third parties is the only possibility for shaking up the
system (most of us after long years of dedicated activism) are derided and
scorned by those of you that could actually set fire to such a movement.
Thanks for all your work, but please
consider supporting a coalition of third parties this time. We've seen how well
supporting Democrats works, time and time again, until finally we've come to
these tragic times.
Yes, we need to do everything to bring forth a truly
independent third party. Its the only way to save ourselves from the Nazi
corporate state.
It's funny that Richard Eskow
mentioned clergyman Beecher, also known for "Beechers' Bibles" a
euphemism for rifles after the clergyman armed New Englanders to go out to
Kansas just prior to the Civil War and start an armed insurrection if necessary
to prevent the spread of slavery in the new territories. His contemporary and
friend John Brown also went to Kansas after telling fellow abolisionists that
armed revolution was the only way to rid the nation of this evil institution
(slavery) that gripped the South. John Brown was subsequently hanged by the
Confederacy in Virginia for his call for an 'insurrection' against slave
holders.
Today's corporate hijacking of our
government is just as evil, just as racist and just as dangerous as those
institutions of slavery 150 years ago. John Brown and Beecher were correct that
it would take an armed revolution to end the injustice, even though the vast
majority of Americans at the time didn't think that a war was worth waging in
defense of the slaves. Lincoln therefore had to use the excuse "to
preserve the Union" as his cause celebre to fight the Confederacy, even
though he personally felt that war was necessary to end slavery on its own
merits.
Unlike the Civil War though, today's
99% are positioned far less favorably to dispose of the Corpocracy than the
Union Army was in its quest to end slavery in 1861. Although the 99% have the
numerical advantage, the Corpocracy has much deeper pockets, control of the
media and an acute ability to infinitely divide the 99% as to render them
useless in any attempt at national solidarity. While Richard Eskow's method of
peaceful change is naturally preferred, his analysis of our current list of
victories appears to be overly optimistic. For example he states that...
"Suddenly the president and his party were on fire with populist rhetoric, a move which may have ensured their electoral victory in 2012. That demonstrated the power of mobilized citizens."
Wasn't Obama's victory though (with hindsight if you wish) a victory for the status quo? I would go so far as to suggest that Obama's victory was a victory for corporate media in that the 99% were duped yet again into preserving the evil institutions that we're burdened with today.
"Suddenly the president and his party were on fire with populist rhetoric, a move which may have ensured their electoral victory in 2012. That demonstrated the power of mobilized citizens."
Wasn't Obama's victory though (with hindsight if you wish) a victory for the status quo? I would go so far as to suggest that Obama's victory was a victory for corporate media in that the 99% were duped yet again into preserving the evil institutions that we're burdened with today.
Eskow is correct that the Corpocracy
fears the 99%, but that fact alone does not make them vulnerable to peaceful
protests and "committed citizen-activists." After all, even the
Confederacy made concessions (the Missouri Compromise) that satisfied many
liberal minded Northerners while strengthening their hold on slavery in the
process.
see more
You said: "the Corpocracy has much deeper pockets,
control of the media and an acute ability to infinitely divide the 99% as to
render them useless in any attempt at national solidarity."
It's odd that you'd equate Beecher's Bibles with rifles, and
seem to promote an armed revolution while leaving out the matter of how
well-armed U.S. security forces happen to be. They are also far better trained
than most citizens, and far more capable (or willing) of using lethal force on
citizens.
Interesting omission.
I do agree with you that Obama's victory was a victory for
the status quo. That is on the mark.
Powerful rebuttal.
Eskow is right! The potential for
power is still with the people, as it always has been. The vision of that
reality causes the scroti of the 1% of the 1% to retreat into their body
cavities.. Without the cooperation of the 99%, the 1% wouldn't exist. If 1%
(3,000,000) hit the streets and 50% just stayed home, the Trans Pacific
Partnership or which ever issue was the focus would become a victory for the
people over night.
A good example of this happening
right here in the USA is the 1934 West Coast General Strike, one of the most
significant events in American history that is seldom taught in schools. Most
people have never heard of it. http://en.wikipedia.org/wiki/S...
The 1% has succeeded in weakening unions, but imagine the warehouse, pilots, railroads and teamsters on strike. They are less than 1% of the work force, but they could shut down the country.
The 1% has succeeded in weakening unions, but imagine the warehouse, pilots, railroads and teamsters on strike. They are less than 1% of the work force, but they could shut down the country.
Eskow, in his last post on CD lauded
the piratization of the USSR that he witnessed first hand. He seems to not
comprehend that the state received $5 billion for assets that were worth
several hundred billion. One petroleum company has a market value of $200
billion. The worst part is what the people suffered. The population rapidly
declined and life expectancy went down by 10 years. The USSR lost more people
to "restructuring" than to WWII (over 30 million).
The 1% are trying to "restructure" the rest of the world. Witness Greece and Detroit. If we refuse to cooperate they will not be successful. First we need to understand what is being perpetrated.
The 1% are trying to "restructure" the rest of the world. Witness Greece and Detroit. If we refuse to cooperate they will not be successful. First we need to understand what is being perpetrated.
I have a problem with the usage of
"cynicism" which I've always thought meant 'a healthy awareness of
the dark sides of things; some understanding of what's really going on;
skepticism'. Dictionaries do not agree with me, however, and they even manage
to put a subtle negativity on 'skepticism'.
Language is a slippery thing,
malleable, sometimes changing too fast for dictionaries to keep up, but this
time I seem to be the one not keeping up.
So I'll just happily resent the tone
of the article which implies we are overly pessimistic, giving up, and doing nothing.
(And WTF kind of bio is: well-known blogger and writer, a former Wall Street
executive, an experienced consultant, and a former musician anyway?)
Nicely stated. Being a cynic and an activist is mutually
enhancing since one's action is funded also by one's anger! I think that most
who have been posting here since before the election of Obama have become most
cynical because of progressive leaning pundits who supported Obama publicly
while also working against those who work to build the Green Party. Early on,
most in this camp were equally cynical of those of us Green Party advocates
which helped widen the divide and create mistrust. But this is especially true
in light of where Obama has taken the country since his election: those of us
on the left, see little difference between Obama and Bush; in fact, Bush could
not have gotten away with everything Obama has because no Democrat is going to
challenge a sitting President but willing to challenge a Republican on domestic
issues even if they march lock step on interminable war and its funding. Your
point is well taken.
About twenty years ago, I had a
conversation with a graduate student from the Czech Republic. I asked him,
"How do you feel about the revolution in Eastern Europe?" to which he
responded, "What revolution? The same people are still in charge." Ya
gotta love that laconic Czech cynicism.
If we could form a nationwide
general strike that would be enough to knock some of the cobwebs free from the
people. August 29th is being mentioned as a Fast Food Workers Strike, with the
hope that many retail workers will join in. We could move mountains simply by
cutting up our credit cards and refusing to shop.... and it amazes me how
simple a thing as NOT shopping is impossible for so many people.
It's not cynical to point out that
Americans are job scared, fearful, confused, and overwhelmed. Getting enough
people to overcome all those problems isn't going to be easy, but is absolutely
vital. The first step is full support for the Fast Food Workers on August 29th.
Cynics often predict the future
based on past experience. Past experience with Eskow tells me that in 2016 he
will support whatever pro-Wall Street, pretend pro-Main Street democrat who
runs for president.
Crushing Occupy didn't make me think
Wall Street feared them, but that Wall Street treated them like another petty
annoyance and eliminated them. Wall Street managed to get laws passed all over
the country harassing Occupy. In Denver we still have its legacy in our
"anti-camping" law, designed to harass Occupy, but mostly used to
hassle the homeless.
At this time 1 up vote and 4 down votes. Personally, I see
merit in both the Eskow and Carberry viewpoints. Which is the more accurate
view seems debatable.
Eskow has been pretty critical of Dem leadership so I'd like
to know what in your "experience with" him indicates that he will
support the Dems in 2016.
mcp
He supported them in 2012 knowing all their crimes. Once you
support war criminals, it becomes hard to break the habit.
Also the habit taught by TV to most of us. My own corporate
indoctrination is so ingrained that its a bad habit to break.
NASDAQ is in chaos - shut
down....maybe there is hope after all. Wouldn't it be nice if Anonymous did
it.....and kept it shut down until Manning is free...also Snowden, Assange,
Hammond, Stewart.....
LOL! I love it.
It's about time we took the fight to THEM.
Exactly... right NOW....better late than never...we should
have done that years ago.
I really feel tremendously optimistic:
The corporate state is in failure. Heck, they cannot even agree on a budget.
They are in tactical defeat in both their major military campaigns and in
stalemate everywhere else. They cannot maintain their position in the
traditional heart of American empire, Latin America. The stupid elite class can
no longer survive without unlimited subsidy from a bankrupt state.
Our real problem is what comes after
the dead regime finally lays down. Will the plutocracy regroup as they did in
Russia after that country collapsed in 1991, or will we be wise enough, say in
supporting the Green Shadow Cabinet to arrange something better?
I basically like your post, but I am troubled by 3 words.
"Tremendously" should have been deleted. Change will not be that
easy. "Failure" is not accurate. Our corporate government is merely
in disarray. If you are using "bankrupt" in the moral sense, then you
are correct. If in the economic sense, then no, we are currently fine in the corporate
economic sense. Many corporations are swimming in money. There is a long hard
slog ahead, but that's no reason not to work for a better situation.
Cynicism is indeed dangerous, but
what is even more dangerous is when people refuse to see the truth and accuse
those who do see the truth of being cynics.
Much of what Mr. Eskow write is the
truth, but I must ask why he continues to NOT state the whole truth.
In this article he wants us to think
that the response of the public stopped Obama and the corporate congress from
cutting Social Security.
This is false.
This is false.
The Obama administration and their
colleagues in criminality merely changed their tactics. They implemented cuts
to Social Security by calling it a "Payroll Tax Holiday" and it was
easily implemented.
The payroll tax holiday was/is a
cynical and devious scheme which had much support from (dim-witted?) liberals
because they refused to see Obama and the democrats for the republican fascists
that they are.
Changing the system will only happen
when you see the truth.
Eskow wrote that popular pressure stopped Obama from
"announc[ing] Social Security cuts in his 2011 State of the Union
message." This is true. So, technically, you are arguing a straw man and
do so by asserting Eskow is doing all this by writing one thing but then
deceptively hoping you will think another. I certainly didn't think he was
trying to get me to think Obama and Congress have stopped their assault on
SS...but I guess that is because I was following his argument, and not straw
men of my choosing.
Though, I get your point that many Obama supporters and
Democrats refuse to see the corporate-friendly character of Obama and many
Democrats. Partisan worship is blinding...
So, your argument is that what Eskow is saying is that what
people wanted was to stop Obama from telling the people what he was going to
do.
I happen to suspect that what the majority of people opposed
were any cuts to Social Security, but you believe their opposition was only to
Obama speaking about it.
That is BRILLIANT!
So, according to you, when Eskow refers to the
"demonstration of citizen power" he means,
if citizens cover their ears and eyes and just don't talk about anything, everything will be better?
if citizens cover their ears and eyes and just don't talk about anything, everything will be better?
In your interpretation, Eskow sounds like a really devious
fraud.
Kierkegaard must be pleased.
No, my argument is that YOU are using a straw man argument.
Care to address that? Apparently being able to logically follow an argument
isn't one of your strong suits...
RE: Changing the system will only happen when you see the
truth.
Seeing the truth only happens when you attempt to change the
system. The struggle itself is the teacher. The "truth" need not be
known ahead of time.
I VERY much disagree.
You do not have to know all of the details of how a better
system will work, but you do need to know the truth about where you are and who
is working against you. If you do not see how you have been manipulated into a
trap, you are likely to fall into it again.
The temporary cut to SS put money in the hands of people who
really needed it. There was NO loss to the SS Fund. So, who is
"dim-witted" here?
You are.
The "putting money in the hands of people who really needed
it" was done by REMOVING that same money from their Social Security
payments, ie. removing money from their futures. There has been nothing done by the
Obama administration and Co. which does not sell out the majority of people for
corporate profits.
If the administration wanted to put more money in people's
hands, why didn't they just cut the income tax rather than Social Security tax?
Any loss to Social Security was made up by taking the money from the general
tax revenue. It would be less work to just take it from regular revenue. The
reason is that Social Security was considered the 'the third rail" of
politics.
Obama grabbed the third rail, and was not burned, he was applauded. Stay tuned for further cuts.
Obama grabbed the third rail, and was not burned, he was applauded. Stay tuned for further cuts.
It seems you do not understand what may be possible with
politics and what is not.
Obama put his filthy hands into what was an annuity of the
people, by the people, and for the people you bloody nitwit. By contaminating
the fund, it now becomes just another source of general funds for the federal
government to pilfer at will.
Do you actually have a clue as to the Trust Fund?
"Contaminating"? The federal government has always used the Trust
Fund money for the general fund, but they do not "pilfer" it. The
government put a little extra into the Trust Fund from the general fund when SS
taxes were temporarily reduced. Bravo! Part of that money was from taxes on the
wealthy. This was a gift. Thank you Congress and thank you Mr. Rich Taxpayer.
Please spare us that "Don't let the perfect be the
enemy of the good" bullshit.
"One day everything will be
well, that is our hope. Everything's fine today, that is our illusion" -
Voltaire - Couldn't disagree more with the headline.. The rosy ass mamsy pansy
attitude that all is well .. or will be, is EXACTLY how we got here, along side
political propaganda clouding reality, & we will remain here ( get worse) until
that is somehow dispelled. For ruffly 20 years of Activism I was a Unicorn in
my attitude, that stopped being effective around the birth of Fox news.
American culture has become so morbid that nothing ... Nothing .. rouses
interest but shock value. America needs to be verbally slapped into reality. I
do it, but don`t enjoy it, tho it may seem like I do it goes against my nature.
Perhaps I`m wrong, but I don`t think so as even being kind is seen as a
weakness these days, & am just sick watching my lifes activism go down the
drain .. What was it all for/. For physical peace we need verbal ( meaningful )
WAR. I think my twitter count partly proves me right. A lot of people I know do
basically what I do & have been longer than me, but in a "free
love" kinda way, & many of their follower counts are not even 1/2
mine. Like what I do or not, I have the attention of a lot of people, perhaps
I`m delusional & am just seen as a side show. Whatever the case, I`m
spreading lots of Good information mixed with my "Cynicism".
"The cynical view says that
there were hidden forces behind that transformation. And it’s true: when it
comes to the course of world events, the unseen is often far more significant
than the seen. But who knows what we’re not seeing right now? How will we know
how broad our horizons of opportunity are today unless we test them?"
The above passage is a wonderful
reminder; and Mr. Eskow's essay further reminds us that there is a power in
peaceful protest when it's well-organized and equally well-attended. He also
makes clear that the times ARE dire. The only real flaw in the essay is
equating progress with the election of Mr. Obama.
The OWS was not just aimed at by
some amorphous arbitrary fluke of fate. Obama or his DOJ issued the order.
Obama is NOT an improvement over
Bush, sadly; and nothing in his policies suggests any remote respect for
Progressive values. If he stalled cuts to Social Security, the next neo-con
robber baron will take up the reins where this one left off...
Unless the ground shakes with
citizens mobilized to just come to a full stop; or Mother Nature creates a
parallel effect.
No, Obama is an improvement over Bush. It is true that one
needs a powerful microscope to notice the difference.
When Money talks, elects, feeds,
jails, or controls the world it is hard to think people power will be enough to
bring about change. Those that wield the money powers set the rules,
conversation, education or informs all others so why be cynical be angry then
take charge. The key to its success is keeping most disempowered while allowing
enough for those that help maintain the illusion of fairness or opportunity.
Their are gates, roadblocks, and many traps on the game board as constructed
but take hart their is not only the go to jail card their is also the president
get out of jail card but its not free.
"The power of accurate
observation is commonly called cynicism by those who have not got it." -
George Bernard Shaw
The definition I like for cynicism
is this: cynicism is the self-fulfilling, psychological defense of weakness to
power.
The good parts of this article are
the progressive assumptions the author makes about the importance of what he
calls "citizen power." The weak (and cynical) part is his typically
American blind-spot concerning popular sovereignty. That is, the simple,
obvious and self-evident solution eludes him: the collective right of the
American people to alter our system through amendments, passing or overturning
laws, and recalling officials via referendum to create a government with
structures and dynamics that bring about democratic outcomes—prosperity,
liberty, justice, happiness, and more. This is done in US states and all over
the world via convention-and-referendum, or initiative-and-referendum. (See
Montana's amending article, for example.) Such a process is the check of The
People against the government that is rarely spoken about out national
government, even by progressives.
Fortunately, some exceptions exist:
Akhil Reed Amar's book "For the People;" Sanford Levinson's book
"Framed: America's 51 Constitutions and the Crisis of Governance;"
Dan Lazare's book "Frozen Republic: How the Constitution Paralyzes
Democracy;" and Jerry Fresia's book "Towards an American
Revolution."
David Cameron, UK Prime Minister,
recently said he would call for a referendum of the "British People"
to decide the fate of their relationship to the European Union
It is Richard Eskow's cynicism that
reduces We the People to disconnected, mobs begging for tactical changes in
protests instead of a sovereign people asserting our collective authority to
decide how to alter our government directly via referendum.
And it is an ongoing mystery to me
how we Americans can be so blind, so weak to power, and so cynical about the
self-evident right to assert our popular sovereignty to alter our government to
our liking.
see more
We could do without these reference
to the completely unnecessary Cold War which sucked money out of needed social
programs, gave us Korea, Vietnam, the Domincan Republic, Grenada and other
tragedies. We need more emphasis on learning from the mess we made by getting
into that Cold War. How's that Cold War victory working for all you Cold War
fans?
Fear makes animals, including
people, very dangerous. I'd feel better if they were complacent.
Further:Sunstein the notorious
totalitarian is married to Ambassador Samantha Powers and strangely, he
endorsed Wikileaks before becoming part of the Obama administration.
Here's something I had not heard of,
via Empytwheel regarding Obama appointing Cass Sunstein to a new oversight
baord of NSA:
In 2008, while at Harvard Law
School, Sunstein co-wrote a truly pernicious paper proposing that the U.S.
Government employ teams of covert
agents and pseudo-”independent” advocates to “cognitively infiltrate” online groups and websites — as well as other activist groups — which advocate views that Sunstein deems “false conspiracy theories” about the Government. This would be designed to increase citizens’ faith in government officials and undermine the credibility of conspiracists. The paper’s abstract can be read, and the full paper downloaded, here. Sunstein advocates that the Government’s stealth
agents and pseudo-”independent” advocates to “cognitively infiltrate” online groups and websites — as well as other activist groups — which advocate views that Sunstein deems “false conspiracy theories” about the Government. This would be designed to increase citizens’ faith in government officials and undermine the credibility of conspiracists. The paper’s abstract can be read, and the full paper downloaded, here. Sunstein advocates that the Government’s stealth
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น