วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

139. นโยบาย “ประชานิยม” ที่แท้จริง ไม่ใช่ “นิยมพรรค-ซื้อเสียง” จึงจะแก้ปัญหาความยากจนได้


Experts: 50 Million Poor Need Safety Net, Not Austerity
New Census data shows millions in poverty as well as millions saved from poverty by crucial government programs like Social Security, food stamps
- Common Dreams staff
ผู้เชี่ยวชาญ:  คนจน 50 ล้าน ต้องการข่ายรองรับ, ไม่ใช่รัดเข็มขัด
ข้อมูลสำนักสถิติชุดใหม่แสดงว่า คนนับล้านอยู่ใต้ความยากจน ตลอดจนหลายล้านคนปลอดภัยจากความยากจนด้วยโปรแกมรัฐบาล เช่น ประกันสังคม, แสตมป์อาหาร
-ทีมคอมมอนดรีมส์

A chorus of poverty experts says that new data from the Census Bureau show the human cost of putting safety net programs like food stamps and unemployment insurance on the chopping block as austerity-pushers warn of the so-called "fiscal cliff."
เสียงประสานจากผู้เชี่ยวชาญบอกว่า ข้อมูลใหม่จากสำนักงานสถิติ แสดงให้เห็นถึงราคาแพงสำหรับมนุษย์ในการเอาโปรแกมข่ายรองรับความปลอดภัยทางสังคม เช่น แสตมป์อาหารและประกันการไม่มีงานจ้าง ขึ้นเขียง ในขณะที่เตือนฝ่ายกดดัน “หน้าผางบประมาณ” (ตัดงบด้านสังคมสงเคราะห์)

The new Supplemental Poverty Measure (SPM) released Wednesday from the U.S. Census Bureau shows 49.7 million Amerians living in poverty -- an increase from the 46.6 million reported in poverty in the Bureau's official estimate from September.
มาตรการเสริมความยากจน (SPM) ใหม่ ที่เผยเมื่อวันพุธ จากสำนักงานสถิติสหรัฐฯ แสดงว่า ชาวอเมริกัน 49.7 ล้านคน อยู่ภายใต้ความยากจน—เพิ่มขึ้นจาก 46.6 ล้าน ในรายงานความยากจนของสำนักงานสถิติ ที่ประเมินในเดือนกันยายน.
What the data also show is how government safety programs have kept millions from heading into poverty.
สิ่งที่ข้อมูลได้แสดงด้วยคือ โปรแกมข่ายปลอดภัยของรัฐบาล ได้ช่วยให้หลายล้านคนรอดจากถลำลงสู่ความยากจน.
In contrast to the federal poverty figures released by the Census Bureau roughly two months ago, the SPM offers a more holistic look at poverty, explains Melissa Boteach, Director of the Poverty and Prosperity Program for Center for American Progress and Director of Half in Ten, "by taking into account factors such as work expenses and medical costs that push families into poverty. They also provide crucial information on the effectiveness of work and income supports in lifting families above the poverty line."
ตรงข้ามกับตัวเลขความยากจนของรัฐบาลกลางที่เปิดเผยโดยสำนักงานสถิติ ประมาณสองเดือนก่อน, SPM ได้ให้มุมมองที่เป็นองค์รวมในเรื่องความยากจนได้มากกว่า, เมลิซซา โบทีช, ผอ โปรแกมความยากจนและความมั่งคั่งของ ศูนย์อเมริกันก้าวหน้า และ ผอ ครึ่งของสิบ, อธิบาย, “โดยดูที่ปัจจัยเช่น ค่าใช้จ่ายในการทำงาน และ ค่ายา ที่ผลักไสครอบครัวลงสู่ความยากจน.  มันยังได้ให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับประสิทธิผลของงาน และการเสริมรายได้ให้ครอบครัวอยู่เหนือเส้นแบ่งความยากจน”.
The fact that the SPM shows these programs keep people out of poverty proves austerity-pushing voices like that of Paul Ryan wrong, says Greg Kaufmann, whose blog on The Nation focuses on poverty.  Kaufmann says that "Paul Ryan says we don't look at whether programs are working, we just throw money at problems. He's wrong. SPM is an example of how we look at whether programs are working and find that poverty would be much worse without SNAP (food stamps), child tax credits, the Earned Income Tax Credit (EITC), unemployment insurance, etc. -- all of the things the GOP and some democrats will attack during 'cliff' negotiations."
ความจริงที่ว่า SPM แสดงให้เห็นว่า โปรแกมเหล่านี้ ได้ช่วยให้ประชาชนพ้นจากความยากจน เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า เสียงที่ผลักดันการรัดเข็มขัด เช่น พอล ไรอัน, เกร็ก คอฟแมน กล่าว, บล็อก The Nation ของเขามุ่งที่ความยากจน.  คอฟแมน บอกว่า “พอล ไรอัน กล่าวว่า เราไม่ดูที่โปรแกมว่ามันทำงานได้ไหม, เราเพียงแต่โยนเงินไปที่ปัญหา.  เขาคิดผิด.  SPM เป็นตัวอย่างของการดูว่า โปรแกมทำงานได้ไหม และพบว่า ความยากจนจะยิ่งแย่ หากไม่มี แสตมป์อาหาร, เครดิตภาษีเด็ก, เครดิตภาษีรายได้ที่หาได้ (EITC), ประกันการไม่มีงานจ้าง ฯลฯ—สิ่งต่างๆ ที่รีพับลิกัน และ เดโมแครตบางคน จะคัดค้าน ในระหว่าง การต่อรอง หน้าผา’”
Boteach points out the millions who've escaped poverty through safety net programs, as shown in the new SPM:
Refundable tax credits for working families such as the earned income and child tax credits, for example, lifted 8.7 million people out of poverty in 2011, and the child poverty rate would have been 6.3 percentage points higher without them. Similarly, the Supplemental Nutrition Assistance Program lifted 4.7 million people out of poverty in 2011. Without it, the child poverty rate would have been 2.9 percentage points higher.
โบทีชชี้ให้เห็นว่า หลายล้านคนที่ได้รอดพ้นจากความยากจนด้วยโปรแกมข่ายความปลอดภัย, ดังที่แสดงให้เห็นใน SPM ใหม่: เครดิตภาษีที่ขอเงินคืนได้สำหรับครอบครัวคนทำงาน เช่น เครดิตภาษีรายได้ที่หาได้ และ ลูก, ได้กู้ประชาชน 8.7 ล้านคน ออกจากความยากจนในปี 2011, และอัตราความยากจนของเด็กคงจะสูงกว่าที่เป็นถึง 6.3% หากไม่มีมาตรการดังกล่าว.  ในทำนองเดียวกัน, โปรแกมโภชนาการเสริม ได้ช่วยให้ประชาชน 4.7 ล้านคน รอดจากความยากจนในปี 2011.  หากไม่มีมัน, อัตราเด็กยากจนคงจะต้องสูงกว่านี้ 2.9%.
David Cooper, an economic analyst at the left-leaning Economic Policy Institute writes that that figures offer a blunt reminder of the human toll cuts to safety net government programs would have:
เดวิด คูเปอร์, นักวิเคราะห์เศรษฐกิจโน้มซ้าย ของ สถาบันนโยบายเศรษฐกิจ เขียนว่า ตัวเลขได้ส่งสัญญาณเตือนแบบกำปั้นทุบดินถึงการสังเวยมนุษย์ หากมีการตัดงบโปรแกมข่ายความปลอดภัยของรัฐบาล ดังนี้:
As Congress debates how to address the looming “fiscal obstacle course,” [Wednesday's] release is a stark reminder of what is at stake. Budgetary decisions have real world consequences. Lawmakers must remember that the choices they make are not simply reconciling numbers in the federal ledger; for millions of Americans, these decisions are the difference between meeting their family’s basic needs and falling into poverty.
ในขณะที่คองเกรสโต้กันถึงวิธีแก้ไขปัญหา “อุปสรรคขวางทางงบประมาณ” ที่กำลังตั้งเค้า (เปิดเผยเมื่อวันพุธ)  เป็นสัญญาณเตือนว่า อะไรเป็นเดิมพันอยู่.   การตัดสินใจด้านงบประมาณ มีอานิสงค์ที่เป็นรูปธรรมทางโลก.   นักกฎหมายจะต้องระลึกไว้ว่า  ทางเลือกที่พวกเขาชี้ขาด ไม่ใช่แค่เป็นเรื่องของการปรองดองระหว่างตัวเลขในบัญชีของรัฐบาลกลาง; สำหรับชาวอเมริกันนับล้าน, การตัดสินใจเหล่านี้ สร้างความแตกต่างระหว่างการเลี้ยงดูครอบครัวให้มีปัจจัยพื้นฐานครบ และการตกหล่มความยากจน.
The SPM's documentation of the poverty-saving benefits of these safety nets couldn't be more timely, Arloc Sherman, a senior researcher at the Center on Budget and Policy Priorities adds:
กระบวนการเตรียมเอกสารของ SPM ในด้านผลประโยชน์ของการป้องกันความยากจนของข่ายความปลอดภัย เป็นเรื่องทันเหตุการณ์พอดี, อาร์ลอค เชอร์แมน, นักวิจัยอาวุโส ที่ศูนย์การจัดลำดับงบและนโยบาย พูดเสริม:
First, in coming weeks policymakers will likely consider deep program cuts as part of major budget negotiations. Second, key measures that account for part of the safety net’s large anti-poverty impact are poised to expire. These include federal emergency unemployment insurance and the 2009 Recovery Act’s improvements in refundable tax credits like the EITC. Third, this is all happening at a time when joblessness – particularly long-term joblessness – remains elevated and the need for safety net programs remains strong, both to reduce hardship for jobless households and to maintain the strength of the economy overall.
ประการแรก, ในสัปดาห์ที่จะมาถึง ผู้กำหนดนโยบายคงจะหาทางตัดโปรแกมอย่างลึก อันเป็นส่วนหนึ่งของการต่อรองหลักเรื่องงบ.  ประการที่สอง, มาตรการสำคัญที่เป็นส่วนใหญ่ของการกันผลกระทบของความยากจนของโปรแกมข่ายความปลอดภัย ก็ใกล้จะหมดอายุแล้ว.   อันนี้รวมถึง การประกันการไร้งานว่าจ้างฉุกเฉินของรัฐบาลกลาง และ การปรับปรุงภาษีที่ขอคืนได้ของ พรบ ฟื้นฟู ปี 2009 เช่น EITC.  ประการที่สาม, พวกนี้เกิดขึ้นพร้อมกันในยามไร้งาน—โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การไร้งานระยะยาว—ยังคงอยู่ในระดับสูง และจำเป็นต้องให้โปรแกมข่ายปลอดภัย ให้ยังคงแข็งแรงอยู่ต่อไป, ทั้งสองช่วยลดความลำเค็ญของครัวเรือนที่ไร้งานว่าจ้าง และ ช่วยธำรงความเข้มแข็งของเศรษฐกิจโดยรวม.
The SPM makes clear that, to help avert any rise in poverty going forward, federal and state policymakers need to protect programs like unemployment insurance, housing assistance, and nutrition programs. And they should extend key recent, recession-related improvements to these programs, such as those in unemployment benefits and working-family tax credits like the EITC.
SPM ได้ระบุชัดเจนว่า, เพื่อช่วยพลิกผันไม่ให้ความยากจนเลยเถิด, ผู้กำหนดนโยบายของรัฐบาลกลางและมลรัฐ จำเป็นต้องปกป้องโปรแกม เช่น การประกันความไร้งานว่าจ้าง, ความช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัย, และโปรแกมโภชนาการ.  และพวกเขาควรเพิ่มการความช่วยเหลือที่เกี่ยวข้องกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ให้แก่โปรแกมเหล่านี้, ดังเช่น ในเงินช่วยเหลือการไร้งานว่าจ้าง และ เครดิตภาษีครอบครัวแรงงาน เช่น EITC.
Also included in this more comprehensive measure of poverty is Medical Out-of-Pocket Expenses (MOOP), which, as the graphic below shows, is pushing millions into poverty, a fact that would be eliminated by a national, single-payer health program.
มาตรการครอบคลุมที่กว้างขวางนี้ ยังรวมถึง ค่ายานอกกระเป๋า (MOOP), ดังที่ภาพข้างล่างแสดงให้เห็น, กำลังผลักให้คนหลายล้านตกลงในหล่มความยากจน, ซึ่งเป็นความจริงที่สามารถขจัดได้ด้วย single-payer health program ระดับชาติ.
* * *
graphic from Center for American Progress (ดูภาพได้จากเว็บข้างท้าย)
Published on Thursday, November 15, 2012 by Common Dreams

I feel like I can see what Obama's basically up to. He's making a big stand on letting Bush tax cuts for high earners expire. And in "exchange" for expiration of this outrageous tax cut that never should have happened (just one of the latest in several decades worth of high end tax cuts, e.g., capital gains), Obama is going to commit the criminal farce of cutting Social Security, Medicare, Medicaid, and call it a 'compromise'. Or some other similar version of an Obama/national Democratic complicity with GOTP savagery for the sake of elite profiteering.
The medical expenses stand out as the chief driver of poverty, but the work expenses are also quite high -- and surprising. This is all so easy to solve, it's insane.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น