329. Balancing Tri-sphere : An analytical
framework guiding humanity’s survival path--4
Formulating New Plantation Studies
Ishikawa Nuboru, pp.28-29
สาขาวิชาใหม่--สวนพืชเศรษฐกิจ
ดรุณี ตันติวิรมานนท์ แปล
ความเห็นต่างที่ว่า
อะไรเป็นองค์ประกอบในอาณาจักรสังคมและอาณาจักรธรรมชาติ
ยังคงสร้างความลำบากใจในการสื่อสารระหว่างนักวิจัยในสองสาขาวิชานี้อย่างต่อเนื่อง. การไหลมาบรรจบกันของภูมิมณฑล, ชีวมณฑล, และ สังคมมนุษย์
ภายใต้ระบบทุนนิยมโลก มีความสำคัญเกินกว่าการกล่าวเอียงไปทางใดทางหนึ่งนอกจากต้องใช้แนวทางข้ามสาขาวิชา. เราไม่อาจอยู่อย่างโดดเดี่ยว และ แยกจากกัน
เมื่อสืบสอบความสัมพันธ์ระหว่างระบบธรรมชาติ และ ระบบสังคม. ในบทความนี้ ผมขอแนะนำคำท้าทายของเราต่อมุมมองกระแสหลักที่มีคนเป็นศูนย์กลางในสังคมวิทยา
ด้วยการตรวจสอบความเชื่อมโยง และ ความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลงไประหว่าง ธรรมชาติ
และ อธรรมชาติ.
เราทำเช่นนี้ในส่วนหนึ่งของเอเชียอุษาคเนย์ ที่กำลังอยู่ภายใต้การจัดเรียงตัวใหม่
ท่ามกลางการแย่งชิงชีวมวลและที่ดิน.
ความทับซ้อน
การตัดไม้ซุง-สวนพืชเศรษฐกิจ ในบอร์เนียว
The
logging-plantation nexus in Borneo
แถบศูนย์สูตรของเอเชียอุษาคเนย์
มีชีวมวลเข้มข้นสูง เพราะมีปัจจัยรวมกันของพลังแสงอาทิตย์ล้นหลาม และ
ฝนตกหนัก. การหมุนเวียนของน้ำและความร้อน
ทำให้ป่าฝนศูนย์สูตร เป็นปฐมภูมิอันอุดมสมบูรณ์สำหรับการเจริญงอกงามหมุนเวียนและ
การแปลงทรัพยากรธรรมชาติและเกษตรกรรมให้เป็นสินค้า. ตั้งแต่ยุคพาณิชย์จนถึงปัจจุบัน,
ชีวมวลของบอร์เนียวได้เชื่อมโยงกับโลกภายนอกมานานแล้ว ผ่านห่วงโซ่สินค้ามากมาย,
เช่น, เครือข่ายกระบวนการแรงงานและการผลิต ที่เชื่อมโยงกับผู้คน และ
ภูมิประเทศไกลโพ้น.
เป็นเวลากว่ากึ่งศตวรรษ,
ห่วงโซ่สินค้าโลกรอบๆ บอร์เนียว ได้บรรจบเจอกันเป็นไม่กี่สภาวะที่แตกต่าง
แต่เกื้อกูลกัน ของการจัดสรรใช้ทรัพยากร: การตัดไม้ซุง
และ การทำสวนพืชเศรษฐกิจ. จาก
ซาบาห์ ในทศวรรษ 1960s
(๒๕๐๓-), ต่อไปที่ กาลิมันตัน
และ ในที่สุดก็ถึง ซาราวัค ในทุกวันนี้, มีวิวัฒนาการของความสัมพันธ์
ระหว่างการตัดไม้ซุง และ การอุบัติขึ้นของอุตสาหกรรมสวนพืชเศรษฐกิจ. การพัฒนาทับซ้อนของ
การตัดไม้ซุง-สวนพืชเศรษฐกิจ เป็นหลักแสดงการขยับตัวจากการแปลงเป็นสินค้า
ที่มาจากการเจริญงอกงามหมุนเวียนของชีวมวล สู่อีกสภาวะหนึ่ง
ที่พึ่งการผลิตที่แผ่ขยายกว้างของพืชที่ปลูกขึ้นมาใหม่. ด้วยการผลาญล้างถางป่า,
การพลิกโฉมหน้านิเวศที่ไม่อาจหวนคืนได้นั้น
ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระดับรากฐานในการก่อตัวของสังคม. จุดมุ่งหมายของการจัดสรรใช้ ได้ขยับตัวจากชีวมวลบนที่ดิน
สู่ตัวที่ดินเอง.
การวิจัยสหสายพันธุ์,
สหภูมิประเทศ, และ สหสาขาวิชา
ซาราวัคเป็นชายแดนทรัพยากรสุดท้ายในเกาะบอร์เนียว. ดังนั้น,
มันเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะทำการตรวจสอบพลวัตของความสัมพันธ์ มนุษย์/ธรรมชาติ
ภายใต้การแปรโฉมนิเวศขนาดใหญ่. ตั้งแต่ปี 2010 / ๒๕๕๓, มีโครงการ ๕ ปี
ทำการบันทึกและทำความเข้าใจอย่างครอบคลุมกว้างและละเอียดถึงกระบวนการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นใน
อำเภอ บินตูลู, ซาราวัคตอนเหนือของมาเลเซีย, ซึ่ง 57% ของที่ดินทั้งหมด
(12,166.2 ตร กม)
ได้ถูกผันเปลี่ยนเป็นแปลงสวนพืชเศรษฐกิจ ในปี ๒๕๕๔. เราได้สืบสอบจุดพลิกผันด้วยการหาจุดวิกฤตสมดุลระหว่าง
ภูมิมณฑล, ชีวมณฑล และ ชุมชนท้องถิ่น ประเมินข้อได้ข้อเสีย และ การถักทอเข้าใหม่
เพื่อความยั่งยืนและความอยู่รอดได้.
นี่เป็นโครงการทะเยอทะยานที่ระดมพลนักวิจัย
๒๐ คน ที่ต่างเชี่ยวชาญเฉพาะทางใน มานุษยวิทยา, ภูมิศาสตร์,
ประวัติศาสตร์เอเชียอุษาคเนย์, ประวัติศาสตร์โลก, พื้นที่ศึกษา, นิเวศการเมือง,
เศรษฐศาสตร์สิ่งแวดล้อม, ภาษา-สังคมศาสตร์, นิเวศพืช, นิเวศสัตว์, วนนิเวศ, น้ำ,
มัจฉาศาสตร์, ธรณีสัณฐานวิทยา และ การประเมินวงจรชีวิต ให้มาร่วมมือทำงานวิจัยกัน. เพื่อให้นักวิจัยเหล่านี้ทำงานในสาขาของตน
และร่วมมือกันได้ในโครงการย่อย, เราได้เลือกลุ่มน้ำที่ระบบแม่น้ำ ๒ สาย, เกมีนา
และ ตาเตา, มาบรรจบกัน ให้เป็นหน่วยการวิเคราะห์.
ในเชิงนิเวศ, ลุ่มน้ำนี้ ประกอบด้วยภูมิทัศน์ของแปลงสวนปาล์มน้ำมัน และ Acacia mangium, เขตสัมปทานตัดไม้ซุง, ป่าทุติยภูมิ, ไร่นาหมุนเวียน
และ ป่าพรุ/ป่าชายเลน.
ลุ่มน้ำนี้ยังเป็นที่อยู่อาศัยของกลุ่มสังคมต่างๆ: มาเลย์, Melanau,
Vale Segan, จีน, Iban, Kanya, Kenyah, Punan
Bah, Bekatanb, Tatau, Lugat และ Penan.
กลุ่มชาติพันธุ์เกือบทั้งหมดของซาราวัค อาศัยอยู่ปนเปกัน, ตั้งแต่ต้นน้ำ เรื่อยลงมาจนถึงชายฝั่ง.
การทำงานในพื้นที่ๆ มีความเป็นเอกภาพ
แต่ต่างก็มีพื้นที่เชิงนิเวศ-สังคมของตนเองที่แตกต่างกัน
ทำให้เราสามารถตรวจสอบจุลจักรวาล ของซาราวัค, ซึ่งกำลังแปรเปลี่ยนการจัดเรียงตัว
และในเวลาเดียวกัน ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมด้วย. เหนือกว่านั้น, แนวการร่วมมือข้ามสาขาวิชา
ได้ช่วยให้ทีมนักวิจัยของเราสังเกตเห็นความสัมพันธ์และปฏิสัมพันธ์ของสายพันธุ์อันหลากหลายได้ด้วย.
ดังนั้น ความเข้มแข็งของโครงการนี้
อยู่ที่ยุทธศาสตร์ในการรวมสาขาวิทยาศาสตร์ต่างๆ.
ในด้านหนึ่ง, วิทยาศาสตร์ด้านธรรมชาติรับมือกับการลื่นไหลของสสารวัตถุ เช่น
น้ำ, ก๊าซ และ แร่ธาตุ ผ่านกระบวนการทางกายภาพและชีววิทยา ที่เกิดขึ้นใน และ
นอกสวนพืชเศรษฐกิจ. ในอีกด้าน,
วิทยาศาสตร์ด้านสังคม มองเข้าไปถึงคำอธิบายที่สมเหตุสมผล และ ที่ไม่สมเหตุสมผล
ระหว่างระบบเศรษฐกิจธรรมชาติ และ ระบบเศรษฐกิจสวนพืชพาณิชย์,
ผลกระทบของโครงข่ายถนน ที่เชื่อมดินแดนทุรกันดาร กับ เมือง ตลอดจนเนินเขาและที่ราบ
และ การจัดเรียงตัวใหม่ของสัมพันธภาพ ท้องถิ่น-โลก ผ่านห่วงโซ่สินค้า.
เช่น ทีมนักวิจัยนิเวศ
วิเคราะห์ระบบนิเวศของป่าธรรมชาติ และ ป่าปลูก
ในบริเวณลุ่มน้ำที่มีภูมิประเทศปนเปหลากหลาย ที่สามารถสังเกตได้เป็นลำดับต่อเนื่องกัน. นักนิเวศสัตว์ ได้เลือกแปลงเพื่อวิจัยสหสาขาวิชา
เพื่อทำแผนที่โครงสร้างเชิงพื้นที่ของความหลากหลายทางชีวภาพ. มีการติดตั้งกล้องซุ่มดักนับร้อย
เพื่อติดตามการเคลื่อนไหวของสัตว์ ทั้งในและนอกสวนพืชพาณิชย์
ตลอดจนเขตสัมปทานไม้ซุง. ในขณะที่นักนิเวศด้านระบบนิเวศ
เน้นที่การลื่นไหลของไนโตรเจน และอณูของสารอินทรีย์ในป่าและแม่น้ำ, นักวิทยาศาสตร์ด้านน้ำ
ดูที่วัฏจักรของน้ำในมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศ, ป่าและแม่น้ำ,
ในบริเวณหลายสิบตารางกิโลเมตร ในระดับกลาง.
นักวิจัยเหล่านี้ทำหน้าที่ตรวจสอบวัฏจักรของสสารวัตถุในธรรมชาติ, ที่ๆ
ถ่ายเทระบบเคมีภาวะ จากระบบชีวภาพ สู่ระบบธรณีวิทยา,
ล้วนสังเกตเห็นได้ในภูมิประเทศผสมปนเปเหล่านี้.
ทีมนักวิจัยวัฒนธรรม-สังคม
มุ่งไปที่การแปรเปลี่ยนจากระบบเศรษฐกิจธรรมชาติดั้งเดิม
(การเพาะปลูกหมุนเวียน/ไร่เลื่อนลอย, การล่ากิน-เก็บกินผลผลิตจากป่า) สู่
ค่าแรงทำงานนอกระบบเกษตร (ที่ค่ายตัดไม้ซุง และ ในเมือง), และ สู่เกษตรสร้างรายได้
(ปาล์มน้ำมันรายย่อย). เราได้ทำการสัมภาษณ์ครัวเรือนเป็นชุดๆ
ในหัวข้อ เช่น หน้าที่และพื้นที่ๆ เครือญาติครอบครัวขยายครอบคลุม, การวนเวียนอพยพของแรงงาน
และ การลื่นไหลของเงินส่งกลับบ้าน.
นอกจากการอุบัติขึ้นของความต่อเนื่องของชนบท-เมืองแล้ว,
ขอบเขตของ ธรรมชาติ/อธรรมชาติ ได้อ่อนตัว เป็นรูพรุนมากขึ้น
และสามารถกำกับปรุงแต่งได้. เราได้ชูหลายคำถามที่ใหญ่กว่าเกี่ยวกับ
เศรษฐศาสตร์การเมืองของการใช้ทรัพยากร.
ระบบสวนพาณิชย์ ได้รับการสนับสนุนจากการรับรองมาตรฐานและการเงินของระบบนานาชาติ. ป่าที่ปลูกปาล์มน้ำมัน และ Acacia mangium ในฐานะที่เป็นแหล่งพลังงานใหม่ ถูกพิจารณาว่า
เป็นคุณูปการต่อการลดการปล่อยคาร์บอน.
ภาคการเงินจึงแสวงหาเครื่องมือ เพื่อพิเคราะห์ชีวมวลแถบศูนย์สูตร
ภายใต้ข้อเสนอใหม่ REDD
(Reducing Emission from Deforestation and Degradation, การลดการปล่อยก๊าซจากการทำลายป่าและป่าเสื่อมโทรม) และ
REDD Plus initiative. ผลคือ พลวัตกระบวนการต่อรองภายในธรณีประตูของ
ธรรมชาติ/อธรรมชาติ ที่ซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ.
ในระหว่างการวางแผนทำงานวิจัยนี้,
เราได้สร้างเครื่องมือเพื่อเก็บข้อมูลใหม่, มาตรวัดและหน่วยการวิเคราะห์ที่สามารถช่วยให้เราเข้าใจความสัมพันธ์
ธรรมชาติ/อธรรมชาติ แบบเชื่อมโยงกัน, ข้ามสาขาวิชา. ในทำนองเดียวกัน, เราได้ตั้งใจฝืนความรู้สึกของพวกเราเองด้วยการพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานที่มีคำศัพท์เฉพาะทางวิชาการ,
พื้นเพทางวิชาการ, วิธีวิทยา และ หนทางของพวกเขาเองในการทำวิจัย. ในการทำเช่นนี้, เราได้กำหนด “จุดพบกัน” หลายๆ
แห่ง เพื่อให้นักวิจัยจากสาขาวิชาเฉพาะทางต่างๆ ได้มาทำงานร่วมกันในพื้นที่. ต่อไปนี้ เป็นโครงการย่อย ที่นักสังคมศาสตร์
และ นักธรรมชาติศาสตร์ ได้ร่วมทำงานด้วยกัน.
หมูป่า, ปลา,
นกนางแอ่น และ ปาล์มน้ำมัน
การขยายตัวของป่าปลูก,
ความสัมพันธ์ของมนุษย์ต่อสัตว์อื่นๆ ได้เปลี่ยนไป, แม้ว่าจะเป็นไปในลักษณะที่ไม่ได้คาดไว้. มันได้กลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นสำหรับชาวบก ดายัค
บางคนที่จะเจอหมูป่า ที่รุกสวนพืชพาณิชย์ที่เก็บเมล็ดปาล์มล้นหลาม. ชาวบ้านเห็นเก้งถี่ขึ้นด้วยในป่าที่เหลือจากการตัดไม้ซุง
ที่มาเล็มต้นอ่อนที่ขึ้นใหม่. การรักษาดินโป่ง
(แหล่งสะสมแร่ธาตุตามธรรมชาติที่ๆ สัตว์จากระบบนิเวศที่ขาดแร่ธาตุสารอาหาร
สามารถจะมาเติมแร่ธาตุให้ตัวเองได้) ในเขตกันชนเพื่อลดผลกระทบจากการสัมปทาน พบว่า ได้นำไปสู่การอนุรักษ์สัตว์ในป่าได้ดีกว่า.
เพื่อตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างความหลากหลายทางชีวภาพ และ
จำนวนสายพันธุ์สิ่งมีชีวิตในบริเวณนิเวศอลหม่าน, และ วิธีการที่ระบบเศรษฐกิจท้องถิ่น
(เช่น การล่า-การเก็บกิน) ได้ค่อยๆ แปรเปลี่ยน, นักมานุษยวิทยา และ นักภูมิศาสตร์
กลุ่มหนึ่ง ได้ตรวจสอบกิจกรรมทางเศรษฐกิจของ “บ้านยาว” (long houses). ในอีกด้าน,
นักนิเวศสัตว์ ได้ตั้งกล้องซุ่มเพื่อดักถ่ายภาพสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
เพื่อเป็นการวัดความหลากหลายทางชีวภาพ.
เพื่อเช็คข้อมูลนิเวศและหลักฐานดังกล่าวข้ามสาขาวิชา, นักสังคมศาสตร์
ได้เก็บคำพูดของชาวบ้านเกี่ยวกับธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงไปในสิ่งแวดล้อมของพวกเขา.
จำนวนปลาในแม่น้ำได้ลดลง. มีแต่ปลาดุก เช่น ikan tapah ที่แข็งแรงพอที่จะรอดอยู่ในน้ำที่มาจากเขตสัมปทานไม้
และ สวนพาณิชย์. ทำไมหรือ? เพราะมันเป็นเมือกนะซิ!
ความเห็นข้างต้นเป็นสิ่งที่ทีมนักมานุษยวิทยามักได้ยินจากชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบ้านยาว
ที่หัวแม่น้ำ.
เพื่อตรวจสอบความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไประหว่าง ภูมิมณฑล, ชีวมณฑล, และ ชุมชนมนุษย์,
จำเป็นต้องทำความเข้าใจกับผลกระทบของการพัฒนาสวนพาณิชย์ ไม่เพียงต่อระบบนิเวศ
แต่ยังต่อวิถีอาหารของประชาชนด้วย.
นักนิเวศวิทยา, ได้เก็บตัวอย่างน้ำมากมายตามลำแม่น้ำ, ซึ่งจะช่วยไขความกระจ่างถึงผลกระทบของการดำเนินงานของอุตสาหกรรมเกษตรต่อป่าและระบบนิเวศ.
พวกเขาทำเช่นนี้ด้วยการร่วมมือกับนักมัจฉาศาสตร์,
ผู้ทำการประเมินความหลากหลายทางชีวภาพในน้ำจืด.
ผลิตผลป่าที่มีมูลค่ามากที่สุดชนิดหนึ่งในพื้นที่
(ที่มีประวัติศาสตร์การค้ามากว่า ๔๐๐ ปีแล้ว) คือ รังนกนางแอ่น. อันที่จริง, รังนกนี้
เป็นจุดพบกันที่สำคัญสำหรับนักมานุษยวิทยาด้านวัฒนธรรม, นักประวัติศาสตร์ (โลก และ
จีน) และ นักนิเวศนก, ให้สังเกตการจัดเรียงตัวใหม่ของห่วงโซ่สินค้า และ โครงข่ายอาหาร
ท่ามกลางการรุกคืบของสวนพาณิชย์.
ในบริเวณป่าชายเลน/ป่าพรุบริเวณชายฝั่งที่ปากแม่น้ำเกมีนาเราได้สร้างบ้านไร่นกนางแอ่นเป็นห้องทดลอง,
ได้เก็บข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการวางไข่, กกไข่ และ ทำรัง. บ้านไร่นี้ทำให้เราสามารถเก็บมูลนก เพื่อตรวจสัดส่วนไอโซโทปของไนโตรเจน,
ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญ, ที่ช่วยไขโครงข่ายอาหารของนกนางแอ่นภายในและภายนอกบริเวณสวนพาณิชย์ได้. นักมานุษยวิทยา และ นักประวัติศาสตร์ยังได้ร่วมกันแกะรอยห่วงโซ่สินค้าที่เชื่อม
บินตูลู กับภูมิภาคนี้ และ ที่ไกลโพ้นออกไป.
นี่จะนำเราไปสู่ถนนย่านธุรกิจของ Sheung
Wan ในฮ่องกง และแม้แต่ย่านคนจีนในเมืองนิวยอร์ก.
น้ำมันปาล์มมีธรรมชาติพิเศษอย่างหนึ่ง. ในฐานะที่เป็นสินค้าอุตสาหกรรม, เนื้อผลสดๆ
ต้องแปรรูปใน ๒๔ ชม., ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการอ๊อกซิเดชั่น,
การเปลี่ยนแปลงจุลภาคที่ระดับโมเลกุล, ที่จริง เป็นตัวขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงอย่างมโหฬารในพื้นที่วิจัยของเรา,
ที่ๆ
สังคมริมน้ำดั้งเดิมได้ถูกแปรโฉมเป็นผืนดินที่เต็มไปด้วยโครงข่ายถนนเพื่อการขนส่งทลายผลปาล์มสู่โรงงานแปรรูป. ด้วยการรุกคืบของถนน,
ชาวบ้านหลายคนได้ย้ายไปอยู่ริมถนน, ซึ่งห่างไกลจากบ้านยาวของพวกเขา
ที่สร้างอยู่ริมน้ำตามประเพณีดั้งเดิม.
ตอนนี้ จะเห็นกระท่อมชั่วคราว เรียงรายยาวเหยียด, และ
การเพาะปลูกปาล์มน้ำมันรายย่อยได้กลายเป็นเรื่องปกติ. ผู้เชี่ยวชาญสาขาเศรษฐกิจสิ่งแวดล้อม,
ภูมิศาสตร์มนุษย์, มานุษยวิทยาวัฒนธรรม และ การประเมินวงจรชีวิต,
ต่างพากันให้ความสนใจพิเศษต่อพลวัตของการขยายปาล์มน้ำมันเข้าสู่ดินแดนชั้นใน ที่ๆ
กิจกรรมทางเศรษฐกิจและความสัมพันธ์เครือญาติตั้งอยู่บนเครือข่ายสังคมแม่น้ำ.
การแสวงหาคำอธิบายที่ดีกว่าของระบบสังคมและธรรมชาติ
ประเด็นการอธิบายระหว่างวัฏจักรสสารวัตถุ
กับ การเคลื่อนไหวของทุน, คน, เทคโนโลยี, และสถาบัน มีความสำคัญอย่างไร? อะไรเป็นผลพวงของความเชื่อมโยงที่เปลี่ยนไป,
ไม่ใช่เพียงในท้องถิ่น, แต่รวมถึงข้ามทวีป และ ระดับโลกด้วย? เราจะหาจุดเชื่อมระหว่างแหล่งที่ๆ ไม่ใกล้ และ
ดูเหมือนจะไม่เชื่อมโยงกันในธรรมชาติและสังคม ได้อย่างไร? ความท้าทายยิ่งประการหนึ่งในโครงการวิจัยของเรา
คือ ใช้วิธีสังเกตในการตรวจสอบว่า ระบบธรรมชาติ และ ระบบสังคม อธิบายตัวเองอย่างไร
และ
พวกเขาถูกแปรเปลี่ยนโดยผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงในการใช้ที่ดินขนาดใหญ่อย่างไร.
ทั้งสังคมศาสต์ และ ธรรมชาติศาสตร์
ได้ทำการศึกษามานานแล้ว ถึงความเชื่อมโยงจากภายในขอบเขตของสาขาวิชาของตนเอง: จากชุมชน, ภูมิภาค และ รัฐชาติ ถึง จักรวรรดิ์,
หรือ จากกลุ่มบ้าน ไปถึง ภูมิทัศน์.
เราได้จัดระดับ และ ปรับระดับหน่วยของการวิเคราะห์ในแง่เวลาและพื้นที่
เพื่อให้เกิดความเข้าใจถึงองค์ประกอบส่วนต่างๆ ของระบบ และ สถานที่ไกลโพ้น เชื่อมต่อกันอย่างไร. แต่ การกระทำเช่นนี้ เรามักจะไม่ได้เชื่อมข้ามสาขาวิชาของเราเองกับของคนอื่น. ด้วยเหตุนี้, โครงการนี้ ไม่ได้แค่มุ่งนำเสนอ
หรือ ตอกย้ำความเชื่อมโยงเหล่านี้, แต่ทำความเข้าใจพวกมันในบริบทของภูมิทัศน์อุตสาหกรรมชีวภาพที่กำลังอุบัติขึ้น. การแสวงหาสมการเพื่อให้ป่าปลูก
ที่มีฐานเหมาะสมเชิงนิเวศและสังคม-เศรษฐกิจ อยู่ร่วมกับชุมชนท้องถิ่นได้
เป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพที่สุดและปฏิบัติได้ด้วย.
สิ่งที่เราเห็นในการพลิกโฉมสังคมที่มีชีวมวลมากของเอเชียอุษาคเนย์
คือ ลักษณะร่วมกับแถบศูนย์สูตรทั่วโลก.
งานวิจัยในหมู่เกาะแถบศูนย์สูตรของเอเชียอุษาคเนย์ จะเป็นพื้นที่ทดสอบสำคัญที่แนวทางสหสาขาวิชาการ
อาจพบร่องรอยสู่คำตอบที่ทรงคุณค่า.
ความห่วงใยเบื้องต้นของเรา คือ ความยืดหยุ่นของชุมชนท้องถิ่น ที่ประกอบขึ้นด้วย
ประชาชน, สัตว์ และ พืช และ
หายุทธศาสตร์เพื่อรับมือกับสภาวะการเมือง-ภูมิศาสตร์ที่กำลังเกิดขึ้น และ
ผลกระทบเชิงนิเวศที่ตามมา, ด้วยเหตุนี้ จะนำเสนอทางเลือกสู่ความอยู่รอด และ
ความยั่งยืน.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น