325.
A Great Man’s Death that Breathes Life and Hope into the Global Citizen Movements
Against Corporate-State Capitalist Greed
12 Mandela Quotes That Won't Be In
the Corporate Media Obituaries
On "sanitizing" the legacy
of anti-apartheid leader Nelson Mandela
- Common Dreams staff
๑๒ ภาษิต ที่สื่อบรรษัทไม่ผนวกในคำไว้อาลัย
ในวาระแปลงตำนานของผู้นำต่อต้านการเดียดผิว เนลสัน แมนเดลา ให้เป็น
“นักบุญ”
ดรุณี ตันติวิรมานนท์ แปล
“เมื่อบุคคลหนึ่งถูกปฏิเสธสิทธิ์ในการดำเนินชีวิตที่เขาเชื่อ,
เขาย่อมไม่มีทางเลือกนอกจากกลายเป็นบุคคลนอกกฎหมาย” -เนลสัน แมนเดลา (๒๔๖๑-๒๕๕๖)
Nelson Mandela, who died yesterday
at age 95, was a South African anti-apartheid revolutionary who served as
President of South Africa from 1994-1999.
เนลสัน แมนเดลา, ผู้สิ้นชีพเมื่อวาน สิริอายุ ๙๕ ปี, เป็น
นักปฏิวัติต่อต้านการเดียดผิว ชาวอาฟริกาใต้
ผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งอาฟริกาใต้ ระหว่าง ๒๕๓๗-๒๕๔๒.
During the 1950's, while working as
an anti-apartheid lawyer, Mandela was repeatedly arrested for 'seditious
activities' and 'treason.' In 1963 he was convicted of sabotage and conspiracy
to overthrow the government, and sentenced to life imprisonment. Mandela served
27 years in prison before an international lobbying campaign finally won his
release in 1990.
ในช่วงทศวรรษ ๒๔๙๓-๒๕๐๒,
ในขณะที่ทำงานเป็นทนายความต่อต้านลัทธิเดียดสีผิว,
แมนเดลาถูกจับกุมครั้งแล้วครั้งเล่าในข้อหากระทำ “กิจกรรมยั่วยุ” และ “กบฏ”. ในปี ๒๕๐๖
เขาถูกจับในข้อหาสมรู้ร่วมคิดในการล้มรัฐบาล, และถูกตัดสินจำคุกตลอดชีพ. แมนเดลาติดคุก ๒๗ ปี ก่อนที่การรณรงค์สากลจะกดดันจนได้รับชัยชนะในที่สุด
ที่เขาได้รับการปลดปล่อยในปี ๒๕๓๓.
In 1994, Mandela was elected
President and formed a Government of National Unity in an attempt to diffuse
ethnic tensions. As President, he established a new constitution and initiated
the Truth and Reconciliation Commission to investigate past human rights abuses
and to uncover the truth about crimes of the South African government, using
amnesty as a mechanism.
ในปี ๒๕๓๗, แมนเดลาได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดี และ
ได้จัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติสามัคคี
ในความพยายามที่จะหลอมละลายความตึงเครียดระหว่างเผ่าพันธุ์. ในฐานะประธานาธิบดี,
เขาได้สถาปนารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และ ริเริ่มจัดตั้ง
คณะกรรมาธิการแสวงหาความจริงและปรองดอง เพื่อสืบสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนในอดีต
และ เพื่อเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับอาชญากรรมของรัฐบาลอาฟริกาใต้,
ด้วยการใช้กลไกนิรโทษกรรม.
Nelson Mandela was a powerful and
inspirational leader who eloquently and forcefully spoke truth to power. As
tributes are published over the coming days, the corporate media will paint a
sanitized portrait of Mandela that leaves out much of who he was. We expect to
see 'safe' Mandela quotes such as "education is the most powerful weapon
which you can use to change the world" or "after climbing a great
hill, one only finds that there are many more hills to climb."
เนลสัน แมนเดลา เป็นผู้นำที่ทรงพลังและเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ
ผู้พูดความจริงต่ออำนาจนิยม ได้อย่างงดงามและเต็มไปด้วยพลัง.
เมื่อคำสรรเสริญจะถูกตีพิมพ์ต่อเนื่องในวันต่อไป,
สื่อบรรษัทจะวาดภาพทาสีให้แมนเดลากลายเป็นนักบุญ
ที่ละทิ้งภาพส่วนใหญ่ที่เป็นตัวเขา.
เราคาดว่าจะได้เห็น ภาษิตของแมนเดลา ที่ “ปลอดภัย” เช่น
“การศึกษาเป็นอาวุธที่ทรงอำนาจที่สุดที่คุณสามารถใช้ในการเปลี่ยนโลก” หรือ “หลังจากปีนป่ายขุนเขาที่ยิ่งใหญ่,
กลับพบว่า ยังมีอีกหลายเขาที่ต้องปีน.”
We wanted to share some Nelson
Mandela quotes which we don't expect to read in the corporate media's
obituaries:
เราต้องการแบ่งปันภาษิตของแมนเดลา
ที่เราไม่คาดว่าจะได้อ่านเจอในคำไว้อาลัยของสื่อบรรษัท:
1.
"A critical, independent and
investigative press is the lifeblood of any democracy. The press must be free
from state interference. It must have the economic strength to stand up to the
blandishments of government officials. It must have sufficient independence
from vested interests to be bold and inquiring without fear or favor. It must
enjoy the protection of the constitution, so that it can protect our rights as
citizens."
๑. “สื่อวิพากษ์, อิสระ และ สืบสวน สอบสวน เป็นเส้นเลือดเลี้ยงชีวิต ในระบอบประชาธิปไตยใดๆ. สื่อจะต้องเป็นอิสระจากการแทรกแซงของรัฐ. มันจะต้องมีความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ เพื่อจะได้ลุกขึ้น ฝืนคำโอ้โลมของเจ้าหน้าที่รัฐบาลได้. มันจะต้องมีอารภาพพอพียงห่างจากกลุ่มผลประโยชน์ ที่จะหาญกล้าและล้วงลึกโดยปราศจากความกลัวหรือเข้าข้าง. มันจะต้องได้รับการคุ้มครองจากรัฐธรรมนูญ, เพื่อว่ามันจะได้คุ้มครองสิทธิ์ของพวกเราในฐานะพลเมือง.”
๑. “สื่อวิพากษ์, อิสระ และ สืบสวน สอบสวน เป็นเส้นเลือดเลี้ยงชีวิต ในระบอบประชาธิปไตยใดๆ. สื่อจะต้องเป็นอิสระจากการแทรกแซงของรัฐ. มันจะต้องมีความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ เพื่อจะได้ลุกขึ้น ฝืนคำโอ้โลมของเจ้าหน้าที่รัฐบาลได้. มันจะต้องมีอารภาพพอพียงห่างจากกลุ่มผลประโยชน์ ที่จะหาญกล้าและล้วงลึกโดยปราศจากความกลัวหรือเข้าข้าง. มันจะต้องได้รับการคุ้มครองจากรัฐธรรมนูญ, เพื่อว่ามันจะได้คุ้มครองสิทธิ์ของพวกเราในฐานะพลเมือง.”
2.
"If there is a country that has
committed unspeakable atrocities in the world, it is the United States of
America. They don't care for human beings."
๒. “หากมีประเทศใดที่กระทำการโหดร้ายขืนใจชนิดที่บรรยายไม่ได้ในโลก, มันคือ สหรัฐอเมริกา. พวกเขาไม่ไยดีต่อสิทธิมนุษยชน.”
๒. “หากมีประเทศใดที่กระทำการโหดร้ายขืนใจชนิดที่บรรยายไม่ได้ในโลก, มันคือ สหรัฐอเมริกา. พวกเขาไม่ไยดีต่อสิทธิมนุษยชน.”
3.
"The current world financial
crisis also starkly reminds us that many of the concepts that guided our sense
of how the world and its affairs are best ordered, have suddenly been shown to
be wanting.”
๓. “ภาวะวิกฤตการเงินโลกปัจจุบัน เตือนเราว่า กรอบคิดมากมายที่ชี้นำความรู้สึกของพวกเราว่า โลกและกิจกรรมทั้งหลายควรจัดระเบียบอย่างไรให้ดีที่สุด, ในบัดดล ก็ถูกเผยว่า เป็นที่ต้องการยิ่ง.”
๓. “ภาวะวิกฤตการเงินโลกปัจจุบัน เตือนเราว่า กรอบคิดมากมายที่ชี้นำความรู้สึกของพวกเราว่า โลกและกิจกรรมทั้งหลายควรจัดระเบียบอย่างไรให้ดีที่สุด, ในบัดดล ก็ถูกเผยว่า เป็นที่ต้องการยิ่ง.”
4.
"Gandhi rejects the Adam Smith
notion of human nature as motivated by self-interest and brute needs and
returns us to our spiritual dimension with its impulses for nonviolence,
justice and equality. He exposes the fallacy of the claim that everyone can be
rich and successful provided they work hard. He points to the millions who work
themselves to the bone and still remain hungry."
๔. “คานธีไม่ยอมรับความเห็นของ อดัม สมิธ ที่ว่า ธรรมชาติของมนุษย์ ถูกกระตุ้นด้วยความเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว และ ความต้องการอย่างสัตว์ และ ได้คืนมิติจิตวิญญาณแก่พวกเรา ด้วยแรงจูงใจเพื่ออหิงสา, ความยุติธรรม และ ความเสมอภาค. เขาได้เผยความหลงผิดของข้ออ้างที่ว่า ทุกๆ คนสามารถร่ำรวยได้ และ ประสบความสำเร็จได้หากทำงานหนัก. เขาชี้ให้เห็นว่า คนนับล้านที่ทำงานหนักเข้ากระดูก ยังคงต้องหิวโหย.”
๔. “คานธีไม่ยอมรับความเห็นของ อดัม สมิธ ที่ว่า ธรรมชาติของมนุษย์ ถูกกระตุ้นด้วยความเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว และ ความต้องการอย่างสัตว์ และ ได้คืนมิติจิตวิญญาณแก่พวกเรา ด้วยแรงจูงใจเพื่ออหิงสา, ความยุติธรรม และ ความเสมอภาค. เขาได้เผยความหลงผิดของข้ออ้างที่ว่า ทุกๆ คนสามารถร่ำรวยได้ และ ประสบความสำเร็จได้หากทำงานหนัก. เขาชี้ให้เห็นว่า คนนับล้านที่ทำงานหนักเข้ากระดูก ยังคงต้องหิวโหย.”
5.
"There is no doubt that the
United States now feels that they are the only superpower in the world and they
can do what they like."
๕. “ไม่ต้องสงสัยเลยว่า สหรัฐฯ ตอนนี้รู้สึกว่า พวกเขาเป็นเพียงมหาอำนาจหนึ่งเดียวในโลก และพวกเขาสามารถทำตามอำเภอใจได้.”
๕. “ไม่ต้องสงสัยเลยว่า สหรัฐฯ ตอนนี้รู้สึกว่า พวกเขาเป็นเพียงมหาอำนาจหนึ่งเดียวในโลก และพวกเขาสามารถทำตามอำเภอใจได้.”
6.
“It is said that no one truly knows
a nation until one has been inside its jails. A nation should not be judged by
how it treats its highest citizens, but its lowest ones.”
๖. “มีคนกล่าวไว้ว่า ไม่มีใครรู้จักชาติ จวบจนกระทั่งตัวเองเข้าไปอยู่ในคุก. ชาติไม่ควรจะถูกพิพากษาโดยวิธีการที่มันกระทำต่อพลเมืองชั้นสูงสุด, แต่ต่อพลเมืองในชั้นต่ำที่สุด.”
๖. “มีคนกล่าวไว้ว่า ไม่มีใครรู้จักชาติ จวบจนกระทั่งตัวเองเข้าไปอยู่ในคุก. ชาติไม่ควรจะถูกพิพากษาโดยวิธีการที่มันกระทำต่อพลเมืองชั้นสูงสุด, แต่ต่อพลเมืองในชั้นต่ำที่สุด.”
7.
“Overcoming poverty is not a task of
charity, it is an act of justice. Like Slavery and Apartheid, poverty is not
natural. It is man-made and it can be overcome and eradicated by the actions of
human beings. Sometimes it falls on a generation to be great. YOU can be that
great generation. Let your greatness blossom.”
๗. “การเอาชนะความยากจน ไม่ใช่กิจการกุศล, แต่เป็นปฏิบัติการแห่งความยุติธรรม. เช่นเดียวกับระบบทาสและระบบเดียดสีผิว, ความยากจนไม่ใช่มาจากธรรมชาติ. มันเป็นสิ่งที่คนทำขึ้นมา และ ก็สามารถเอาชนะได้ และ ขจัดได้ด้วยปฏิบัติการของมนุษย์. บางที มันก็เกิดขึ้นในรุ่นหนึ่งที่ยิ่งใหญ่. คุณ สามารถเป็นรุ่นที่ยิ่งใหญ่นั้น. ขอให้ปลดปล่อยความยิ่งใหญ่ของคุณให้เบ่งบาน.”
๗. “การเอาชนะความยากจน ไม่ใช่กิจการกุศล, แต่เป็นปฏิบัติการแห่งความยุติธรรม. เช่นเดียวกับระบบทาสและระบบเดียดสีผิว, ความยากจนไม่ใช่มาจากธรรมชาติ. มันเป็นสิ่งที่คนทำขึ้นมา และ ก็สามารถเอาชนะได้ และ ขจัดได้ด้วยปฏิบัติการของมนุษย์. บางที มันก็เกิดขึ้นในรุ่นหนึ่งที่ยิ่งใหญ่. คุณ สามารถเป็นรุ่นที่ยิ่งใหญ่นั้น. ขอให้ปลดปล่อยความยิ่งใหญ่ของคุณให้เบ่งบาน.”
8.
“We know too well that our freedom
is incomplete without the freedom of the Palestinians.”
๘. “พวกเรารู้ดีอย่างยิ่งว่า เสรีภาพของพวกเรายังไม่สมบูรณ์โดยปราศจากเสรีภาพของปาเลสไตน์.”
๘. “พวกเรารู้ดีอย่างยิ่งว่า เสรีภาพของพวกเรายังไม่สมบูรณ์โดยปราศจากเสรีภาพของปาเลสไตน์.”
9.
“No single person can liberate a
country. You can only liberate a country if you act as a collective.”
๙. “ไม่มีคนหนึ่งคนใดสามารถปลดแอกประเทศตามลำพัง. คุณสามารถปลดแอกประเทศได้หากคุณปฏิบัติการร่วมกันเท่านั้น.”
๙. “ไม่มีคนหนึ่งคนใดสามารถปลดแอกประเทศตามลำพัง. คุณสามารถปลดแอกประเทศได้หากคุณปฏิบัติการร่วมกันเท่านั้น.”
10.
"If the United States of
America or Britain is having elections, they don't ask for observers from
Africa or from Asia. But when we have elections, they want observers."
๑๐. “หากสหรัฐอเมริกา หรือ สหราชอาณาจักร กำลังมีการเลือกตั้ง, พวกเขาไม่ขอให้มีผู้สังเกตการณ์จากอาฟริกา หรือ จากเอเชีย. แต่พอพวกเราจะมีการเลือกตั้ง, พวกเขาต้องการเป็นผู้สังเกต.”
๑๐. “หากสหรัฐอเมริกา หรือ สหราชอาณาจักร กำลังมีการเลือกตั้ง, พวกเขาไม่ขอให้มีผู้สังเกตการณ์จากอาฟริกา หรือ จากเอเชีย. แต่พอพวกเราจะมีการเลือกตั้ง, พวกเขาต้องการเป็นผู้สังเกต.”
11.
“When a man is denied the right to
live the life he believes in, he has no choice but to become an outlaw.”
๑๑. “เมื่อบุคคลหนึ่งถูกปฏิเสธสิทธิ์ในการดำเนินชีวิตที่เขาเชื่อ, เขาย่อมไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากกลายเป็นคนนอกกฎหมาย.”
๑๑. “เมื่อบุคคลหนึ่งถูกปฏิเสธสิทธิ์ในการดำเนินชีวิตที่เขาเชื่อ, เขาย่อมไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากกลายเป็นคนนอกกฎหมาย.”
12.
On Gandhi: "From his
understanding of wealth and poverty came his understanding of labor and
capital, which led him to the solution of trusteeship based on the belief that
there is no private ownership of capital; it is given in trust for
redistribution and equalization. Similarly, while recognizing differential
aptitudes and talents, he holds that these are gifts from God to be used for
the collective good."
๑๒. เกี่ยวกับ คานธี: “จากความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับความมั่งคั่ง
และ ความยากจน นำมาสู่ความเข้าใจ เรื่องแรงงานและทุน, ซึ่งนำเขาไปสู่ทางออกของ
ภาวะผู้พิทักษ์มรดก บนฐานความเชื่อที่ว่า ทุน ไม่มีกรรมสิทธิ์เอกชน; มันถูกให้มาด้วยความไว้วางใจ ให้กระจายใหม่ และ ทำให้เสมอภาคกัน. ในทำนองเดียวกัน,
ในขณะที่ยอมรับความแตกต่างกันทางปรีชาญาณและพรสวรรค์, เขายืนหยัดว่า สิ่งเหล่านี้
เป็นของขวัญจากพระเจ้าให้นำมาใช้เพื่อผลประโยชน์ร่วมของส่วนรวม.”
# # #
This work is licensed under a
Creative Commons Attribution-Share Alike 3.0 License.
"If there is a country that has committed unspeakable
atrocities in the world, it is the United States of America. They don't care
for human beings."
No one has spoken truer words. Americans have only two
emotions -- fear and anger. They care nothing about others, not even their own.
Look at the current cutting of food stamps, and the upcoming
cutting of social security. Look at the destruction of Detroit and the
exaltation of Wall Street, despite years of criminality.
Unfortunately, Mandela's life changed only a little in the
world, because as he said, change requires a collective, not one man. People
shouldn't worship Mandela, they should act together and refuse their
subjugation.
The forces of evil have risen steadily for generations now,
engulfing the entire planet. And to a large extent it has happened because the
educated classes in most countries have gone along. Got a good job in the high
tech industry and drive a BMW, so who cares about dead children in Afghanistan,
Somalia, Congo, Central African Republic, Libya, Syria, Palestine, Egypt,
Qatar, Bahrein, Saudi Arabia, and on and on.
Americans have THREE emotions. You left out greed.
When US politicians raise enough corporate cash and push the
voters' fear, anger and greed buttons, they win.
I'd say fear trumps anger and greed. Anger and greed are
by-products of a deeper more basic fear. Greed from fear lives in the Land of
Not-Enough. Anger replaces fear as a more socially acceptable form of
expression.
Wow.. only 3 emotions...besides emotions created the mess we
are in... logical thinking and consequences must trump emotional responses like
exceptionalism and patriotism....that's why we will not get out of the mess we
are in.
I totally agree with the priority given to "logical
thinking and consequences"; however, I have a hunch that the late Mr. Mandela
would have agreed that "emotional responses" must include EMPATHY and
COMPASSION. Pope Francis and His Holiness the Dalai Lama embody both of these
everlasting, global responses. These two men, prominent, serve as living
examples to all ordinary human beings -- including "yours truly" in
Oregon.
Not an emotion, a vocation.
perhaps his death will breath new life into the collective.
For the last 50 years we have the social experiment of a few wealthy
individuals who believed they were God's chosen few. If we listen to Mandela we
will turn our backs on this system that has left our planet in peril and men
fighting over the spoils. Africa consumes less in one year than we do between
dinner and breakfast. Shame on the politicians who are the shills for this
monster.
The quote is true (of course), but I don't find it
particularly interesting.
Other countries have also committed unspeakable atrocities
(although most countries probably have not).
As far as caring for human beings, most states are like cold
monsters operating under some logic that does not include caring for human
beings. I don't mean to over-generalize, so, ok, maybe Bolivia does care about
human beings (their constitution cares about the Earth, after all). Maybe there
is some other exception, somewhere. But in general, states are not warm and
fuzzy entities.
I think the United States stands apart qualitatively from
other countries because it's in the cultural grip of an ideological poison
often referred to American Exceptionalism. All kinds of pathologies derive from
that.
etc....